ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา
ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น “Hotto Bun” กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

 ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น Hotto Bun” กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

ธุรกิจเอสเอ็มอี ช่องทางการสร้างเงินจากกิจการขนาดเล็ก ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหน้าใหม่หลายรายหันมาสร้างธุรกิจเอสเอ็มอีในแบรนด์ต่างๆ ของตัวเองขึ้น เพื่อสร้างอาชีพให้กับตนเอง ครั้งนี้ทางเราก็มีอีกหนึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีมาฝากกับการขายอาหารในเมนูยอดนิยมแต่แตกต่างด้วยสูตรการทำที่น่าสนใจ หยิบเอาเมนูฝั่งยุโรปอย่างแฮมเบอร์เกอร์มาปรับประยุกต์การทำให้แตกต่างด้วยสไตล์ญี่ปุ่น กลายเป็นเบอร์เกอร์ญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใครและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น ดำเนินการภายใต้แบรนด์ “Hotto Bun” เกิดขึ้นจากหุ้นส่วน 3 คนที่พบเจอกันในนิวยอร์ก คนแรกคือ “คุณเบียร์” ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดการและบริหารร้านอาหาร คนที่สองคือ “คุณโอ” ศิลปินอิสระที่ถูกเชิญให้ไปแสดงผลงานที่นิวยอร์ก และคนสุดท้าย “คุณต้อม” เชฟฝีมือที่คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารญี่ปุ่นภายในนิวยอร์กเป็นเวลานาน กระทั่งทั้งสามคนได้มาเจอกันและตัดสินใจที่จะทำธุรกิจร่วมกันหลังกลับไทยก่อให้เกิดธุรกิจเอสเอ็มอีเล็กๆ ที่เกี่ยวกับอาหารในที่สุด

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

ธุรกิจเอสเอ็มอี แฮมเบอร์เกอร์ญี่ปุ่นของทั้งสามนั้นมาจากแนวคิดของคุณต้อมที่ต้องการทำอาหารแบบ Finger food เป็นอาหารที่สามารถทานได้ง่ายๆ ด้วยมือโดยไม่ต้องใช้ช้อนส้อม ทำให้แฮมเบอร์เกอร์เป็นคำตอบในธุรกิจนี้ แต่เพราะไม่อยากให้แฮมเบอร์เกอร์ในแบรนด์ของตนเองต้องเหมือนกับของคนอื่น ซึ่งจะทำให้เกิดการซ้ำซากจำเจไม่แตกต่าง คุณต้อมจึงตัดสินใจนำเอาประสบการณ์ในอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองเชี่ยวชาญมาปรับใช้ในที่สุด

กระทั่งเกิดเป็นแฮมเบอร์เกอร์ญี่ปุ่นแบรนด์ Hotto Bun ที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และส่งผลให้ธุรกิจเอสเอ็มอีชิ้นนี้ไปได้ไกลกว่า ลักษณะสินค้าของ Hotto Bun คือแฮมเบอร์เกอร์ที่มีการใช้ข้าวปั้นโอนิกิริเป็นส่วนผสม และนำขนมปังไปนึ่งแทนการอบ ทำให้ได้เป็นแฮมเบอร์เกอร์ที่มีลักษณะเหนียวนุ่มคล้ายกับแป้งโมจิ และมีความแตกต่างมากกว่า เกิดเป็นจุดขายที่น่าสนใจ โดยกรรมวิธีในการผลิตสินค้านี้คือการนำแป้งสาลี เนยและยีสต์ มาหมักเป็นโดว์แล้วนำไปนึ่ง ที่สำคัญคือไม่มีการใส่สารเสริมในการทำเบเกอรี่ทุกชนิด เช่น ผงฟู สารคงรูปขนมปัง เป็นต้น

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

นอกจากนี้ซอสที่ใช้เป็นส่วนผสมของแฮมเบอร์เกอร์ จะเป็นซอสที่ได้จากการนำผักผลไม้กว่า 10 ชนิดมีผสมผสานกับพริกญี่ปุ่นและเครื่องเทศญี่ปุ่น เมนูที่มีให้เลือกของ Hotto Bun มีทั้งหมด 4 ตัวเลือก ได้แก่ คือ ไก่กรอบ ปลาเทมปุระ หมูตุ๋น และหมูพิริคาระ ราคาขายอยู่ที่ชิ้นละ 65 บาท

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

Hotto Bun ยังเลือกเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนยุคใหม่โดยเฉพาะ เน้นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบลองของใหม่ ชอบความแตกต่างหรือไม่ชอบอะไรซ้ำซากจำเจ จึงเลือกทำเลในย่านมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ มีการทำการตลาดที่เอาใจนักศึกษา เช่น โปรโมชั่นติดเอฟกินฟรี ให้น้องๆ นักศึกษาที่ผิดหวังหลังการสอบมารับแฮมเบอร์เกอร์กลับไปทานกันแบบฟรีๆ ถือเป็นการปลอบใจ และช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ปัจจุบัน Hotto Bun มีสาขาทั้งหมด 8 สาขา ได้แก่ สาขาธรรมศาสตร์รังสิต,สาขาท่ามหาราช ,สาขาเชียงใหม่ ,สาขาขอนแก่น ,สาขา ม.กรุงเทพ, สาขามหิดล, สาขาเอแบค, สาขาเกษตรศาสตร์

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

สำหรับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันหลักๆ เลยจะเป็นกลุ่มนักศึกษา รองลงมาจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานและผู้ใหญ่ทั่วไป ยอดขายที่สามารถทำได้ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 600 ชิ้น แผนธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายไว้คือการขยายกิจการทั่วประเทศภายใน 5 ปี และขยายไปสู่ต่างประเทศ ล่าสุดมีเกณฑ์ว่ากำลังจะเปิดสาขาที่นิวยอร์กเร็วๆ นี้ และเปิดขายแฟรนไชส์ร่วมด้วย ปัจจุบันมีสาขาแฟรนไชส์ที่ขอนแก่นและเอแบค การลงทุนเริ่มต้นที่ 350,000 บาท

ธุรกิจเอสเอ็มอี เบอร์เกอร์ญี่ปุ่น "Hotto Bun" กลยุทธ์เจาะกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา

ข้อมูลติดต่อธุรกิจเอสเอ็มอี Hotto Bun
โทรศัพท์ : 086 327 0271
Email : hottobun@gmail.com
Facebook : @HottoBunThailand

หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Hotto Bun

แสดงความคิดเห็น