สสว. จัดพิธีมอบวุฒิบัตรและโล่ห์รางวัล “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดปี 2560”

สสว. จัดพิธีมอบวุฒิบัตรและโล่ห์รางวัล “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดปี 2560” จำนวน 468 ราย หวังเป็นต้นแบบธุรกิจที่มีศักยภาพระดับจังหวัดนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผลักดันสู่ระดับประเทศ และเสริมเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อเร็วๆ นี้ นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า สสว. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาสู่สุดยอด SME จังหวัด (SME Provincial Champions) ขึ้นเพื่อส่งเสริมเพิ่ม      ขีดความสามารถ และยกระดับการดำเนินกิจการเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 พร้อมสร้างต้นแบบธุรกิจที่มีศักยภาพ         ในระดับจังหวัด และผลักดันให้กิจการ SME จังหวัดสู่ระดับประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้และผลิตภาพเพิ่มสูงขึ้น 4,642.43 ล้านบาท จึงได้มีการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่องจาก           ปี 2559 โดยมีเป้าหมายผู้ประกอบการ 6 รายต่อจังหวัด แบ่งเป็นกลุ่มอาหาร (Food) และกลุ่มที่มิใช่อาหาร (Non-Food) เน้น Service & Trade โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อพัฒนากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและกลุ่มบริการเพื่อสุขภาพ

ทั้งนี้ จากการผลการดำเนินโครงการพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริม สนับสนุนและผลักดันให้ ผู้ประกอบการ SME ในแต่ละจังหวัดให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น สามารถก้าวไปสู่การแข่งขัน        ในตลาดโลกและเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งผลความสำเร็จ      ของโครงการในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่ามีที่ผู้ประกอบการ SME ที่ได้ผ่านการเข้าร่วมโครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพสูงขึ้นและทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตเป็นอย่างดี

ในส่วนของการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุค THAILAND 4.0 จะต้องเกิดจากความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการเงินการธนาคาร มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการ SME มีการวิจัยมาต่อยอด พัฒนาให้เกิดนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของท่านนายกรัฐมนตรี           ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-based Economy) ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสามมิติ คือ เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ไปสู่เชิงนวัตกรรม เปลี่ยนการขับเคลื่อนประเทศโดยภาคอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งเปลี่ยนจาก       การเน้นภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ให้เกิดผลสำเร็จภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ถือเป็นการเปลี่ยน “ปัญหาและความท้าทาย” ให้เป็น “ศักยภาพและโอกาส” ในการสร้างความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนให้กับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่ได้รับความสำเร็จกว่า 20 ผลิตภัณฑ์การแสดงแฟชั่นโชว์สินค้า การออกบูธต่างๆ เกี่ยวกับการให้คำแนะนำด้านการเงิน-แนวทางการทำธุรกิจการเสวนาในหัวข้อ “SME ไทย ก้าวไกล 4.0” โดยตัวแทนจากผู้ประกอบการบริษัท เชฟอุทัย จำกัด, บริษัท บ้านนาทอง เฮลท์ตี้แอนด์สปา จำกัด และบริษัท อัมพวา อพาร์เทล จำกัด รวมถึงการเล่นเกมแจกของรางวัลตลอดทั้งงานอีกด้วย

แสดงความคิดเห็น