ขายขนมโมจิ “คาชิฮิเมะ” ธุรกิจขนมสองสัญชาติไทย-ญี่ปุ่น ราคาแค่ชิ้นละ 10 บาท!!

คุณๆทั้งหลายคงจะเคยได้ลิ้มรสขนมไทยอย่าง “ขนมโมจิ” ในรูปแบบของโมจิสดหรือที่เราเรียกว่าบัวหิมะกันแล้ว ทั้งแป้งที่เหนียวนุ่มและไส้ที่หอมหวานอร่อย และอีกหลายคนก็คงจะเคยได้ยินขนมญี่ปุ่นที่หน้าตาละม้ายคล้ายบัวหิมะ ซึ่งบางคนเราก็ยังจำสับสนกันเอง นั่นก็คือ ขนมไดฟุกุ แต่ใครจะรู้ว่าหากได้นะขนมสองสัญชาตินี้มามิกซ์รวมกันแล้วนั้น กลับได้รสชาติขนมที่อร่อยเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

รวมโรงเรียน “สอนทำขนม” เรียนทําเบเกอรี่ อัพเดทล่าสุด คลิ๊ก>>

รวมร้านขายส่งเบเกอรี่ ขนมปัง โดนัท ทั่วประเทศ คลิ๊ก>>

สูตรผสมขนมสองสัญชาติที่ว่าดังกล่าวเป็นธุรกิจของคุณหญิงหรือ “คุณจุติภัค ยังโนนตาด” ที่เกิดไอเดียบรรเจิดจนมีธุรกิจผลิตขนมยี่ห้อคาชิฮิเมะขึ้นมา ซึ่งแปลได้ว่าขนมเจ้าหญิง สอดคล้องกับชื่อเล่นของเธอได้อย่างพอดิบพอดี

คุณหญิงเล่าถึงความหลังก่อนที่จะตัดสินทำธุรกิจว่า อดีตนั้นตนเป็นครูสอนคอมพิวเตอร์ และไม่มีความรู้ด้านการทำขนมมาก่อน แต่มีอยู่วันหนึ่งได้ลองชิมขนมบัวหิมะหรือโมจิสดที่โรงเจแล้วติดใจในความอร่อย จึงคิดค้นสูตรเพื่อทำขาย แต่ธุรกิจขนมโมจิสดของเธอในตอนนั้นกลับไมได้รับผลตอบรับที่ดีสักเท่าไหร่ จึงคิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจ แต่แล้วสวรรค์เหมือนเข้าข้าง มีเพื่อนของแฟนเธอคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นโดยพกสูตรการทำขนมไดฟุกุอันเลื่องชื่อมาด้วย จึงเกิดไอเดียทำขนมโมจิสดของไทยผสมผสานกับขนมไดฟุคุของญี่ปุ่นซะเลย จนได้ผลิตภัณฑ์ขนมโมจิสดคาชิฮิเมะหลังจากพัฒนาสูตรได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น

เมื่อได้ขนมโมจิสดรสชาติดั่งใจแล้ว คุณหญิงจึงเปิดร้านทดลองขายครั้งแรกในช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ในปี 2552 ซึ่งคนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รายได้เฉลี่ยต่อเดือนขณะนั้นคือ 20,000-30,000 บาท

ส่วนวิธีการทำขนมดังกล่าวก็ไม่ได้ยากแต่ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ขั้นแรก ทางร้านจะนำแป้งข้าวเหียวมาทำให้สุก แล้วนำไปนวดกับน้ำร้อนจนแป้งเนียนได้ที่ นำแป้งไปห่อกับไส้ขนม แล้วนำขนมที่ได้อัดลงแม่พิมพ์ เป็นอันเสร็จ ทางร้านจะจะใช้ความสดและความใหม่ของขนมเป็นตัวชูโรง โดยจะทำตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเท่านั้น และลูกค้าต้องสั่งขนมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน หากเป็นช่วงเทศกลาต้องสั่งล่วงหน้านานอย่างน้อย 2-3 วัน

หลายคนอาจจะสงสัยระหว่างขนมโมจิสดของไทยกับขนมไดฟุกุของญี่ปุ่น คุณหญิจึงขอมาเผยข้อข้องใจนี้ว่า โมจิสดจะเน้นที่ความนุ่มและหอม แต่ไดฟุกุจะเน้นที่นุ่มและเหนียว ไส้ในขนมคาชิฮิเมะนั้นจะใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไรสชาติไม่หวานจนเกินไปนัก ทำให้คนที่รักสุขภาพสามารถทานได้ โดยไส้จะมีตั้งแต่ชาเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง งาดำ เผือก พุทราจีน นม ส้ม ช็อกโกแลต สตรอว์เบอรรี่ ไปจนถึงทุเรียนกวน เรียกได้ว่ามีรสชาติให้เลือกทานกันอย่างมากมายจริงๆ

นอกจากไส้พวกนี้แล้ว เธอยังคิดที่จะทำไส้อื่นอย่างผลไม้รวมและวิปทุเรียนออกมาด้วย ไส้นี้เธอบอกว่าต้องการเอาใจลูกค้าที่ชิบความหอมหวานของทุเรียนหมอนทองและความหวานมันของวิปครีมซึ่งพอได้มาผสมกันแล้วนั้นจะทำให้รสชาติหอม หวาน มัน ลงตัวพอดิบพอดี ส่วนไส้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นสตรอวเบอรรี่ เพราะทางร้านจะห่อสตรอว์เบอรี่สดทั้งลูกด้วยชาเขียวหรือถั่วแดง โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า จุดขายอีกอย่างของทางร้าน คือผลิตภัณฑ์ของร้านทั้งหมดจะไม่ใส่วัตถุกันเสียหรือกันบูดหรือสารปรุงแต่งกลิ่นรสใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงทำให้ขนมที่ออกมาได้ความสดและใหม่อย่างที่กล่าวไป

สำหรับช่องทางในการขายขนมโมจิคาชิฮิเมะนั้น ทางร้านจะส่งให้กับร้านพรชัย ย่านบางลำพู ซึ่งเป็นร้านระจำ ขายสินค้าจำพวกของฝาก ของขวัญ นอกจากนี้ยังส่งให้กับตลาดน้ำคลองลัดมะยม ถนนพุทธมณฑลสาย 1 และไอทีสแคว์ หลักสี่ โดยลูกค้าจะมีแวะเวียนเข้ามาซื้ออยู่เรื่อยๆ โดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1,000-2,000 ชิ้น แต่ถ้าเป็นหน้าเทศกาลปริมาณที่ขายได้อยู่ที่ละ 1.5-2 หมื่นชิ้นต่อวันกันเลยทีเดียว ราคาส่งของสินค้ามีตั้งแต่ชิ้นละ 12 บาท 15 บาท 20 บาท และ 30 บาท โดยขึ้นอยู่กับไส้และความใหญ่เล็กของขนม เช่น สตรอว์เบอรรี่จะขายที่ 30 บาท เป็นต้น หากใครซื้อแล้วอยากเก็บไว้ทานได้นานๆ แนะนำให้ใส่ไว้ในตู้เย็น จะเก็บได้ถึงสัปดาห์นึงเลยทีเดียว