ผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ : 5 เทคนิค ผู้ประกอบการทำอย่างไรให้ธุรกิจรุ่ง
ธุรกิจที่ทยอยกันเปิดตัวอย่างเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการหน้าใหม่ไฟแรง หลายคนสั่งสมประสบการณ์ ลองผิดลองถูก จนสามารถจับจุดและค้นหาธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเองขึ้นมาได้ แต่สำหรับบางคนที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังขาดความมั่นใจ และกำลังมองหาแรงบันดาลใจ ข้อคิด หรือเทคนิคดีๆ ไปประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง นี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกลยุทธ์หรือข้อคิดดีๆที่นำมาเสนอกันในครั้งนี้
1. ทดลองทำธุรกิจจากที่บ้าน
ก่อนจะก้าวลงสู่สังเวียนธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ประกอบการน้องใหม่ควรที่จะเริ่มต้นธุรกิจจากที่บ้านเสียก่อน นั้นก็เพื่อเป็นการลดโอการโอกาสเสี่ยงและความผิดพลาดที่แน่นอนว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ สำหรับการธุรกิจใหม่ๆ ดังนั้นเริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับนักธุรกิจรายใหม่ที่ยังสั่งสมประการณ์ในขั้นต้น นอกจากนี้ยังเป็นการลดค่าใช้จ่าย การใช้พื้นที่ทำงานจากในบ้านตัวเองนั้นเป็นการลดต้นทุนในการเช่าสำนักงาน หรือเช่าพื้นที่สร้างออฟฟิศ คุณอาจจะติดตั้งสายโทรศัพท์แยกขึ้นมาเฉพาะสำหรับใช้งานในการทำธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการติดต่อธุรกิจกับคุณ ทังนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงถึงธุรกิจหรือบริการที่คุณทำด้วยว่าสอดคล้องหรือสามารถทำงานจากที่บ้านของคุณเองได้หรือไม่ เพราะบางธุรกิจก็ยังมีข้อจำกัดในการทำงาน
2. พยายามจัดหาทุนด้วยตัวเอง หรือใช้เงินทุนจากตัวเองเป็นหลัก
การมองหาแหล่งเงินทุนหรือบริษัทร่วมทุน สำหรับธุรกิจที่ยังใหม่มากนั้น ควรพิจารณาถึงความพร้อมของตัวเองและธุรกิจเสียก่อน ถ้ายังคิดว่าตัวเองนั้นยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยตัวเอง และยังไม่ได้อยากจะก้าวกระโดดไปอยู่ในจุดที่ต้องการผู้ร่วมลงทุนเยอะๆ ก็ให้บริหารแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากมีผู้ร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเล็กๆ ในช่วงต้นนั้นคุณอาจรู้สึกดีที่มีเงินทุนมาสำรองใช้และลงทุนในธุรกิจหลายแสนหรือหลายล้านบาท แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณต้องทำงานหนักขึ้น เหนื่อยขึ้น ในขณะที่คุณเองอาจส่วนแบ่งจากการร่วมหุ้นอาจน้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นจากหุ้นบริษัทคุณเอง ดังนั้นในช่วงแรกผู้ประกอบรายใหม่ควรจะใช้เงินทุนของตัวเอง หรือหากจำเป็นต้องมีแหล่งเงินทุนร่วมด้วย ก็ควรใช้เงินทุนของตัวเองในสัดส่วนที่มากกว่า และระหว่างที่ดำเนินธุรกิจนั้นก็เร่งสร้างความพร้อมและเก็บประสบการณ์เพื่อการก้าวกระโดดไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ถึงตอนนั้นจะมีผู้สนใจร่วมลงทุนกับคุณจำนวนมากโดยที่คุณไม่ต้องวิ่งเข้าพวกเขาเลย
3. คิดบวก
ในการเริ่มต้นธุรกิจสำหรับนักธุรกิจมือใหม่ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญนั้นอาจจะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ก็อย่าล้มเลิกหรือท้อถอยไปเสียง่ายๆ มองเรื่องยากๆที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะทำได้ให้เป็นเรื่องง่ายเข้าไว้ มั่นใจในตัวเองและศักยภาพที่มี เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะดำเนินธุรกิจที่ตัวเองรัก ก็จงอย่ากลัวและยอมแพ้ไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ นักธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น เขาไม่มัวแต่มาคิดว่าตัวเองยังมือใหม่ ยังไม่เก่งพอ ขาดประสบการณ์ แต่เขามองที่ผลงานและอะไรที่ตัวเองทำได้ดีบ้าง เพราะผลการดำเนินงานในอดีตก็ไม่ได้การันตีถึงความสำเร็จ ณ ปัจจุบัน ดังนั้นอย่ามัวแต่กลัวว่าลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์จะคอยจ้องขอโปรไฟล์ เพื่อดูประวัติการทำธุรกิจแบบถี่ยิบ ขอให้มั่นใจในศักยภาพของตัวเอง ประสบการณ์ไม่ได้หาได้ในวันเดียว ต้องมีครั้งแรกก่อนเสมอถึงจะมีครั้งที่ร้อย
4. ความกระตือรือร้นและการลงมือทำ
ในปีแรกของการทำธุรกิจ คุณอาจะพบกับคำถามจากลูกค้านับไม่ถ้วนเกี่ยวกับประสบการณ์ทำธุรกิจของคุณ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะหากมองในมุมของลูกค้าเองก็ต้องการที่จะได้รับความมั่นใจจากผู้ประกอบการณ์ว่าเงินที่พวกเขาจ่ายไปนั้นจะไม่เสียเปล่า และในงานตรงตามที่พวกเขาต้องการ หนทางที่คุณจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ มีเพียงทางเลือกเดียว นั่นคือ “สร้างความประทับใจ” ให้แก่ลูกค้า ด้วยการแสดงความกระตือรือร้น หรือกระหายที่จะลงมือทำ สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงออกให้ลูกค้าเห็นถึงความตั้งใจและเอาใจใส่ในการทำงาน ต่อให้คุณจะยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ แต่ลูกค้าก็อาจพร้อมที่จะยินดีให้โอกาสแก่คุณมือเห็นการแสดงออกด้วยความมุ่งมั่น กระตือรือร้น
และไม่ใช่แค่เพียงในช่วงแรกๆเท่านั้น คุณควรจะทำให้ความตื่นตัว ความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่นเหล่านี้ กลายเป็นวัฒนธรรมในการทำธุรกิจของคุณตลอดไป ถึงแม้คุณจะเก่งแล้วก็ตาม
5. ความสมดุล
เมื่อคุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจของคุณมาได้แล้วระยะหนึ่ง คุณจะต้องเริ่มสำรวจตัวเองและมองหาความสมดุลในชีวิตการทำงาน กล่าวคือ คุณจะมาทำงานเหมือนแต่ก่อนในช่วงเริ่มต้นไม่ได้ หลีกเลี่ยงการทดลองทำงานสิบแปดชั่วโมงต่อวัน หรือ เจ็ดวันต่อสัปดาห์โดยไม่หยุดพักเลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอนทั้งกับสุขภาพและธุรกิจของคุณ หาทางออกด้วยการจัดสรรเวลา ให้สามารถเวลาไปทำงานอดิเรกอย่างอื่นบ้าง เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ใช้เวลาพักผ่อนไปปิกนิกกับครอบครัว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายและจิตใจของคุณได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดถึงแต่เรื่องงานตลอดเวลา เพราะมันจะทำให้คุณเครียดจนเกินไป อะไรที่มากไปหรือน้อยไปย่อมไม่ดี ความสมดุลคือพื้นฐานของการใช้ชีวิต และในธุรกิจก็เช่นกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.powerhomebiz.com