คลังถังแตก! รีดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มอีก 24-30 สต./ลิตร

รีดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่ม

“กบง.” ไฟเขียวโยกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อส่งเงินคืนให้คลังตามมติ ครม.เมื่อ 5 ก.ค. เพื่อเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้นอีกเฉลี่ย 0.24-0.30 บาทต่อลิตร โดยผลดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่เงินเข้าคลังเพิ่มอีก 800 ล้านบาทต่อเดือน เคาะแอลพีจี ก.ค.คงเดิมที่ 20.29 บาทต่อ กก.

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายและแผนพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 ก.ค.ที่เห็นชอบหลักการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน และดีเซล เฉลี่ย 0.24-0.30 บาทต่อลิตร ด้วยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงมาเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีกเป็นภาระประชาชน โดยส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.เป็นต้นไป ผลจากการโอนเงินดังกล่าวทำให้คลังมีรายได้เพิ่ม 800 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิม 15,252 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 16,053 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศต่อไป

“ราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะที่ดีขึ้นโดยมีเงินสะสม 4.44 หมื่นล้านบาท และแนวโน้มเราก็ยังมองว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 45-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล การปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็จะดูที่ไม่กระทบประชาชน คือช่วงน้ำมันลด ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีการใช้กลไกนำเงินกองทุนน้ำมันไปให้คลังลักษณะนี้แล้วรวม 1.352 แสนล้านบาท” นายทวารัฐกล่าว

ทั้งนี้ จากมติดังกล่าวทำให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่เป็น ดังนี้ ภาษีสรรพสามิตเบนซินเก็บเพิ่ม 30 สตางค์ต่อลิตร เป็น 6.30 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บเพิ่ม 0.27 บาทต่อลิตร เป็น 5.67 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เก็บเพิ่ม 0.27 บาทต่อลิตร เป็น 5.67 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 เก็บเพิ่ม 0.24 บาทต่อลิตร เป็น 5.04 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E85 เพิ่มขึ้น 0.045 บาทต่อลิตร เป็น 0.945 บาทต่อลิตร และดีเซลเพิ่มขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร เป็น 5.65 บาทต่อลิตร ซึ่งทำให้มีการปรับการเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับการขึ้นภาษีฯ ดังกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบคงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือน ก.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) แม้ว่าราคาต้นทุนรวมจะสามารถปรับราคาลดลง 0.66 บาทต่อ กก.จากระดับ 13.91 บาทต่อ กก.เป็น 13.25 บาทต่อ กก. แต่เนื่องจากที่ผ่านมาราคาแอลพีจีได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันส่วนบัญชีแอลพีจีอุดหนุนจึงใช้วิธีปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้น 0.66 บาทต่อ กก. ทำให้กองทุนฯแอลพีจีจากเดิมชดเชย 0.59 บาทต่อ กก.เป็นส่งเข้ากองทุนฯ ที่ 0.0647 บาทต่อ กก.มีผลตั้งแต่ 8 ก.ค.เป็นต้นไป

น.ส.สุมาลี สถิตชัยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งนี้รัฐพยายามที่จะพิจารณาในช่วงจังหวะน้ำมันขาลงเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม อนาคตจะขึ้นอีกหรือไม่ก็ยังต้องดูราคาเป็นหลักและหากขึ้นก็จะทยอยไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบซึ่งเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้นอยู่ที่ 10 บาทต่อลิตร

ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น