เลือกทำเลขายของอย่างไร 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ

เลือกทำเลขายของ อย่างไร? 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ

เลือกทำเลขายของ

เลือกทำเลขายของอย่างไร 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ

เลือกทำเลขายของอย่างไร? 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ

ทำเลขายของเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการค้าขายที่ต้องมีหน้าร้าน ว่ากันว่าขายสินค้าประเภทเดียวกันแต่วางขายคนละที่ ก็มีอัตราการขายที่แตกต่างกันออกไป การเลือกทำเลขายของนั้นสำคัญมากอีกทั้งยังสามารถชี้เป็นชี้ตายธุรกิจได้อีกต่างหาก ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังอยากค้าขาย ไม่ควรมองข้ามสิ่งนี้โดยเด็ดขาด วันนี้ทางทีมงาน SMELeader ก็มีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก เกี่ยวกับการเลือกทำเลขายของโดยเฉพาะ

เลือกทำเลขายของอย่างไร 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ
1.คำนึงถึงปริมาณคนเดินต่อวัน

หลักการเลือกทำเลขายของ ลำดับต้นๆ คือการคำนึงถึงปริมาณคนเดินต่อวัน เปรียบเทียบกันหากขายของบริเวณที่มีคนเดินผ่าน 10 คนต่อวัน โอกาสที่คนจะซื้อสินค้าจากร้านมีเพียง 0-5 คนเท่านั้น แต่ถ้าหากเลือกทำเลขายของที่มีปริมาณคนเดินต่อวัน 100 คน ก็มีโอกาสที่คนจะซื้อของจากร้านมากถึง 10-50 คน ดังนั้นเรื่องนี้สำคัญมากและไม่ควรละเลยโดยเด็ดขาด ยิ่งคนเดินผ่านมากเท่าไร โอกาสที่จะขายสินค้าออกยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น คือหลักการสำคัญในการเลือกทำเลขายของ

2.คำนึงถึงกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก

หลักการต่อมาก็คือการคำนึงถึงกลุ่มลูกค้าเป็นสำคัญ ข้อนี้ให้พิจารณาก่อนว่าสินค้าที่เราขายนั้นคืออะไรและขายให้ใคร หากขายสินค้าที่เจาะกลุ่มวัยรุ่น เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ กิ๊ฟช้อป เครื่องเขียน เป็นต้น ควรเลือกลงขายในที่ที่มีเด็กวัยรุ่นเดินผ่านจำนวนมาก ทำเลแนะนำ ได้แก่ หน้าโรงเรียน ตลาดนัดมหาวิทยาลัย ตลาดนัดวัยรุ่นทั่วไป เป็นต้น จะทำให้โอกาสการขายสินค้ามีมากขึ้นด้วย หากเลือกทำเลที่ตรงกับกลุ่มลูกค้า

เลือกทำเลขายของอย่างไร 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ
3.เน้นแหล่งชุมชน

คิดอะไรไม่ออกก็ให้เลือกแหล่งชุมชนไว้ก่อนจะปลอดภัยที่สุด โดยลักษณะของแหล่งชุมชนก็คือพื้นที่ที่รวยล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมาก อาจรายล้อมไปด้วยที่อยู่อาศัยหรือสำนักงานออฟฟิศปริมาณมาก เป็นแหล่งคนที่มีจำนวนคนรวมตัวกันอยู่เยอะ จะช่วยให้โอกาสการขายสินค้านั้นมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน ตรงกันข้ามหากพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ย่านชุมชน หรือมีเพียงกลุ่มคนกลุ่มเดียวปริมาณไม่มากนักรวมตัวกันอยู่ โอกาสการขายสินค้าก็น้อยลงตามไป

4.หลีกเลี่ยงที่อับคน

ที่อับคนคือที่ที่ไม่มีคนเดินผ่านหรือถ้าหากมีก็น้อยมาก หลายครั้งมองเผินๆ อาจคิดว่าที่ตรงนั้นเหมือนจะเป็นย่านชุมชน แต่ต้องระวัง เพราะงครั้งที่ตรงนั้นก็มีคนเดินผ่านน้อยมากๆ ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่เช่าหน้าร้านวีดิโอร้านหนึ่ง อยู่ห่างจากตลาดออกไป 500 เมตร ดูเหมือนจะห่างตลาดไม่มากนัก แต่คนเดินไปไม่ถึงเพราะเดินแค่ในตลาด โอกาสที่จะขายสินค้าได้ก็คงมีแค่คนที่จะเดินเข้าร้านวีดิโอ ซึ่งมีอยู่จำนวนไม่มากพอที่จะขายของได้ พื้นที่ตรงนี้ถือเป็นความเสี่ยงและจัดเป็นที่อับคนได้ และควรหลีกเลี่ยงการเลือกเป็นทำเลขายของ

เลือกทำเลขายของอย่างไร 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ
5.สำรวจคู่แข่งในพื้นที่ก่อน

สำคัญไม่น้อยไปกว่าข้ออื่นๆ เลยสำหรับการพิจารณาคู่แข่งก่อนลงขายของ หากที่ตรงนั้นมีร้านขายสินค้าประเภทเดียวกันมากพออยู่แล้ว ทางที่ดีไม่ควรไปลงขายแข่งให้เหนื่อย เว้นแต่จะมีอยู่แล้วเพียง 1-2 รายเท่านั้น ทั้งนี้ให้พิจาณาจำนวนคนเดินในพื้นที่ตรงนั้นด้วย เพราะการลงขายสินค้าอย่างเดียวกันในพื้นที่เดียวกัน จะทำให้เกิดการแชร์สัดส่วนลูกค้าระหว่างกัน หากที่ตรงนั้นคนเดินไม่มากเท่าไร มีผู้ค้ารายเดียวก็พอและหากมีคนขายอยู่แล้ว ควรเลี่ยงพื้นที่ตรงนั้นออกไป แต่ถ้าหากที่ตรงนั้นมีคนมากหน่อย และยังมีผู้ขายรายเดียวก็อาจลงไปขายแข่งด้วยได้ แต่หากมีมากกว่าสองรายขึ้นไป ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่า

เลือกทำเลขายของอย่างไร 5 ข้อควรปฏิบัติเพื่อการขายแบบมืออาชีพ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของการเลือกทำเลขายของ เพื่อโอกาสการขายที่เหมาะสมแก่การสร้างกำไร ทางที่ดีควรเลือกขายในแหล่งคนเป็นสำคัญ เลือกที่มีคนรวมตัวกันอยู่มากๆ โอกาสการขายสินค้าก็มีมากขึ้นด้วย

หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : salzburg.info, novamakedonija.com.mk, Booking.com, pinterest.com, Port Elgin

แสดงความคิดเห็น