ขนมเปี๊ยะ โฉมใหม่แป้งเนื้อนุ่มมีถึง 10 ไส้ให้เลือก อาชีพน่าลงทุน!!

ขนมเปี๊ยะ กับความนิยมที่มักใช้เป็นของฝาก โดยเฉพาะในเทศกาลสำคัญๆ ก็ยิ่งเห็นขนมเปี๊ยะวางจำหน่ายไปทั่ว นอกจากจะนำไปเป็นของฝากแล้ว บางส่วนก็ยังหลงใหลในขนมแป้งสอดไส้ชนิดนี้ไม่น้อย ที่มักซื้อไว้ทานเป็นของโปรด แต่ใครจะรู้เล่าว่าขนมเปี๊ยะที่มีมานานแสนนานนี้ ก็เคยอยู่ในช่วงที่ถูกลืมมาแล้ว เพราะความเนิ่นนานบวกกับความดั้งเดิม ซ้ำซากจำเจนี้เอง ทำให้เมื่อ 7-8 ปีก่อน ขนมเปี๊ยะได้รับความนิยมที่ถดถอยลงไป ด้วยความจำเจของรสชาติที่คงความเหมือนเดิมมานานเกือบ 50 ปี เพราะแบบนี้จึงเป็นที่มาของการปฏิวัติขนมเปี๊ยะครั้งใหญ่ให้มีความแตกต่างและหลากหลายขึ้นมา เพื่อดึงดูดความสนใจจากสังคมอีกครั้ง

รวมศูนย์ฝึกอาชีพ “เรียนทำขนมไทย” ล่าสุด คลิ๊ก>>

20 เมนูขนมทานเล่นสุดฮิต ทำเงิน คลิ๊ก>>

รวมขายส่ง “ขนมไทย” ปังปี๊บ ขนมหวาน คลิ๊ก>>

“ประจักษ์ เจียมจรรยงค์” และพี่สาว “พัฒน์นวี มงคลสินพงศ์” ผู้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการขนมเปี๊ยะเริ่มต้นจากตัวแป้งที่เดิมทีแป้งขนมเปี๊ยะซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าต้องมีลักษณะแข็ง แต่สองพี่น้องคู่นี้ที่ชอบกินขนมเปี๊ยะเป็นชีวิตจิตใจ กลับไม่ชอบความแข็งของแป้งที่คล้ายๆ จะเป็นเอกลักษณ์ของขนมเปี๊ยะ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์แป้งขนมเปี๊ยะขึ้นใหม่ด้วยสูตรใหม่ จนกลายเป็นขนมเปี๊ยะภาพลักษณ์ใหม่ที่มีเนื้อแป้งอ่อนนุ่มละมุนคล้ายขนมญี่ปุ่นขึ้นมา โดยภาพลักษณ์ใหม่ของขนมเปี๊ยะของสองพี่น้องนี้ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ที่ดีให้กับวงการขนมเปี๊ยะอีกครั้ง เพราะได้รับความนิยมสูง การันตีได้จากยอดสั่งซื้อในหลักพันชิ้นต่อวัน และยิ่งมากไปกว่านั้นในช่วงเทศกาลที่มียอดสั่งซื้อเป็นหลักหมื่นชิ้นต่อวันเลยทีเดียว

ไม่หมดเพียงแค่นั้นสำหรับกลยุทธ์การตลาดขนมเปี๊ยะของสองพี่น้อง ที่ใช้แป้งสูตรใหม่เป็นเครื่องมือ เพราะยังมีการพัฒนาไส้ของขนมเปี๊ยะให้มีความหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย เพราะมีถึง 10 ไส้ ได้แก่ ไส้เค็ม ไส้ถั่วไข่เค็ม พุทราจีน งาดำ เผือก หม้อแกง ถั่วแดง ถั่วขาว ฝอยทอง และไส้ทุเรียน โดยไส้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ต้องยกให้แชมป์ทั้งสองอย่างไส้เค็ม และไส้ถั่วไข่เค็ม

ราคาขายขนมเปี๊ยะตกชิ้นละ 5 บาท แต่ถ้าหากเป็นไส้ทุเรียนจะชิ้นละ 10 บาท และไส้ฝอยทองชิ้นละ 6 บาท แตกต่างกันไปตามราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่เหมือนกัน ในการส่งมอบสินค้าไปยังลูกค้าก็จะบรรจุขนมเปี๊ยะใส่กล่อง ช่องทางการขายก็จะขายผ่านทางหน้าร้าน แต่ถ้าหากมีความต้องการในสินค้าต้องโทรสั่งก่อนล่วงหน้า 2-3 วัน ไม่สามารถเดินทางไปซื้อที่หน้าร้านได้ทันทีอย่างร้านทั่วๆ ไป เนื่องจากมีออเดอร์สั่งเข้าไปมาก ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลต้องมีการโทรสั่งล่วงหน้ากันเป็นสัปดาห์ 1-2 สัปดาห์เลยทีเดียว

ด้านการตลาดของสองพี่น้อง เน้นในเรื่องของรสชาติขนมเปี๊ยะเท่านั้น ไม่ได้มีต้นทุนในเรื่องของการโฆษณาแต่อย่างใด อาศัยคุณภาพของสินค้าที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสด้วยตัวเองจนเกิดการบอกต่อที่เรียกว่าปากต่อปาก และทำให้กิจการเป็นที่รู้จักอย่างเช่นทุกวันนี้

กลุ่มลูกค้าของกิจการก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อไว้เพื่อบริโภคในครัวเรือน กลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปเป็นของฝาก และยังมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรที่มักซื้อไปแจกพนักงาน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่สั่งซื้อไปจำหน่ายอีกด้วย แต่ด้วยสูตรของแป้งนุ่ม เหมาะสำหรับทานทันทีหรือทานวันต่อวัน และมีอายุการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น จึงเป็นปัญหาต่อการส่งให้ลูกค้าต่างประเทศ และกลายเป็นสิ่งที่ทั้งสองพี่น้องกำลังหาทางพัฒนาในส่วนนี้อยู่ เพื่อให้ขนมเปี๊ยะสามารถเก็บไว้ได้นาน โดยจะต้องไม่พึ่งสารกันบูดสาเหตุที่ทำให้อาหารเสียรสชาติ เพื่อการเตรียมพร้อมให้กิจการทำการส่งออกได้อย่างสมบูรณ์แบบ