รวมขนมขายดี “ขายขนมเบเกอรี่ออนไลน์” เริ่มต้นอย่างไร หาลูกค้าอย่างไรดี?

ในปัจจุบันธุรกิจร้านขายขนมออนไลน์ หรือขายเบเกอรี่ออนไลน์ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและพฤติกรรมการสั่งสินค้าออนไลน์กำลังขยายตัว ทำให้โอกาสในการสร้างร้านค้าออนไลน์สามารถเติบโตได้มากขึ้น ธุรกิจขายขนมออนไลน์ เบเกอรี่ออนไลน์ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ ด้วยโอกาสและแนวโน้มที่กำลังเติบโตทำให้ตัวเลือกนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่หากต้องการเริ่มต้นธุรกิจขายขนมออนไลน์จำเป็นต้องมีความรู้ในขั้นตอนต่างๆ ต้นทุน ช่องทางการขาย และความรู้พื้นฐานต่างๆ

 

เริ่มต้นธุรกิจขายขนมออนไลน์อย่างไร

ในการเริ่มต้นธุรกิจขายขนมออนไลน์สิ่งที่ควรมีก่อนการลงมือทำแบ่งได้ ดังนี้

1. ตั้งชื่อร้าน
ซึ่งการตั้งชื่อร้านต้องมีเทคนิคนั่นก็คือ มีความคุ้นหู อ่านง่าย จำง่าย  และที่สำคัญคือต้องสามารถค้นหาเจอได้ง่าย

2. เลือกสินค้า
สินค้าที่เราต้องการเลือกขายสามารถหาได้อยากหลากหลายที่ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ หรือการลงพื้นที่เพื่อค้นหาสิ่งที่มีอยู่ในตลาดและมีความต้องการ ซึ่ง SMELeader ได้รวบรวมขนมที่ได้รับความนิยมและมียอดขายที่ดีจากแหล่งต่างๆมาให้ในหัวข้อต่อๆไป

3. ช่องทางขาย
เลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสมเข้าถึงง่าย มีความสะดวกสบายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งทาง SMELeader ได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการขายไว้แล้วในหัวข้อต่อๆไป

4. วางแผนสำหรับการเติบโตและการตลาด
ทำอย่างไรเพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ดึงดูดลูกค้าให้เลือกซื้อขนมของคุณอย่างไร และวางแผนการตลาดเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่มาก่อนหน้า ทั้งคู่แข่งในทางตรงและทางอ้อม ซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้
– ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
– วางแผนขั้นตอนต่างๆ ลำดับความสำคัญให้ดี
– วางแผนการเงินสำหรับขั้นตอนต่างๆ
– วางแผนเวลาสำหรับตรวจสอบรวบรวมข้อมูลและปรับปรุงแก้ไข

5. ช่องทางการชำระเงิน
เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า การรองรับการชำระเงินในรูปแบบต่างๆ จะทำให้เกิดความความพึงพอใจในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าได้

เงินทุนเริ่มต้นต้องคำนวณอย่างไร หากต้องการเริ่มทำธุรกิจต้องมีเงินเท่าไหร่ (กรณีซื้อมาขายไป)

เงินที่จะนำมาใช้ในลงทุนในการเริ่มเปิดธุรกิจขนมออนไลน์จำเป็นต้องคำนวณให้ดีและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนสินค้า ค่าจัดส่ง ค่าแพ็กเกจ ค่าการตลาด(การโปรโมท และ โฆษณา) ค่าแรง รวมไปถึงค่าเบ็ดเตล็ดต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องวางแผนและคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจของคุณให้ดี
เงินทุนในการเริ่มต้นธุรกิจขายขนมออนไลน์ขึ้นอยู่กับจำนวนรายการสินค้าว่ามีหลากหลายขนาดไหน การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ ค่าจัดส่ง และค่าแรง ซึ่งในขั้นแรกนั้นสามารถคำนวณเงินทุนจากส่วนต่างๆ ดังนี้

1. ค่าสินค้า (เงินทุนในข้อนี้อาจพลิกผันจากประเภทของสินค้า) : สามารถคำนวนค่าสินค้าได้จาก Supplier

2. ค่าแพ็คเกต : หากนำสินค้ามาปรับเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่

3. ค่าขนส่ง : โดยคำนวณจากเรทราคาการส่งสินค้าของบริษัทขนส่งต่างๆ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย

4. ค่าเช่า : กรณีที่ไม่ได้ทำที่บ้าน

5. ค่าพนักงาน : กรณีที่มีการจ้างพนักงานในส่วนต่างๆ

6. ค่าเบ็ดเตล็ด : เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทป ค่ากล่องส่งสินค้า เป็นต้น

7. ค่าเสียหาย : กรณีสินค้าที่ได้รับมานั้นเกิดความเสียหาย

8. ค่าการตลาด : เช่น Facebook ads , การจ้างรีวิว , การโปรโมทผ่านสื่อต่างๆ เป็นต้น

การเลือกสินค้า

การเลือกสินค้าแบบง่ายๆนั้นสามารถค้นหาจากสิ่งที่มีอยู่ในตลาดโดยเลือกจากยอดขายและความนิยมของลูกค้า นำมาพิจารณาและคัดเลือกเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วิเคราะห์ว่าขนมเหล่านี้เป็นเพียงเทรนด์สั้นๆ หรือเป้นขนมที่ลูกค้าบริโภคอยู่ตลอด นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้เป็นปัจจัยในการเลือกสินค้า
และนั้นสามารถคัดได้จากกลุ่มตลาดเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็ก ของว่างไว้กินเล่นระหว่างมื้ออาหาร หรือแม้กระทั่งขนมคีโตและขนมคลีนสำหรับคนรักสุขภาพ และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร ซึ่งทาง SMELeader ได้คัดเลือกขนมที่มีอยู่ในท้องตลาดที่มีการบริโภคเป็นจำนวนมากโดยอ้างอิงจากยอดขายที่เกิดขึ้น ดังนี้

1. สาหร่ายม้วนอบกรอบ
สาหร่ายม้วนอบกรอบเป็นขนมที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย มีรสชาติต่างๆให้เลือกมากมาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ด้วยความอร่อยที่เป็นพื้นฐานและความชื่นชอบสาหร่ายของคนไทย ทำให้สาหร่ายม้วนอบกรอบถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และใช้เงินทุนค่อนข้างน้อย

2. พริกทอด
พริกทอดกลายเป็นของทานเล่นที่มีคนสนใจเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะมีประโยชน์มากกว่าขนมทั่วไปสามารถช่วยในเรื่องของการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยในการลดน้ำหนัก และยังมีรสชาติที่อร่อยและกรุบกรอบ

3. ตังเมกรอบ(ขนมไม้)
ตังเมกรอบหรือน้ำตาลชัก เป็นขนมกินเล่นของไทยที่มีลักษณะเหมือนไม้ มีความหอมหวานและรูปร่างที่น่าสนใจเหมาะสำหรับเด็กๆ  ด้วยรสชาติที่อร่อย และลักษณะที่แปลกทำให้มียอดขายที่ค่อนข้างสูงเหมาะสำหรับการเลือกมาเป็นสินค้าในร้านขนมออนไลน์

4. อัลมอนด์เม็ดอบ
อัลมอนด์เม็ดเป็นอาหารว่างและสามารถเป็นของทานเล่นระหว่างมื้ออาหารและยังมีประโยชน์ค่อนข้างมากในเรื่องของวิตามิน เหมาะสำหรับลูกค้าที่รักสุขภาพและต้องการกินขนมที่มีประโยชน์

5. ฟักทองอบแห้ง (ฟักทองลีน)
ฟักทองอบแห้งหรือฟักทองลีน ถูกนำมาเป็นขนมให้กับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพแต่ต้องการที่จะรับประทานขนม เป็นขนมที่มีประโยชน์และมีกลุ่มลูกค้าค่อนข้างชัดเจน หากต้องการขายขนมให้กับคนรักสุขภาพ ฟักทองลีนถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

6. บราวนี่ และบราวนี่คีโต
บราวนี่ขนมเบเกอรี่ยอดฮิตตลอดกาล ขนมที่มียอดขายค่อนข้างสูงอยู่ตลอด ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนสูตรให้เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพเรียกว่า บราวนี่คีโตซึ่งเป็นเทรนด์การรับประทานอาหารที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

7. คุ้กกี้คีโต
เช่นเดียวกับบราวนี่ตีโต คุกกี้คีโตเป็นเบเกอรี่ที่ทำขึ้นเพื่อคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ ด้วยเทรนด์การกินคีโตที่กำลังเติบโต ทำให้ยอดขายของคุกกี้คีโตเติบโตเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน

8. ลูกชิดอบแห้ง(ขนมคีโต)
ลูกชิดอบแห้งนั้นมีการบริโภคเป็นปกติจากผู้ที่ชื่นชอบลูกชิดอยู่แล้ว และด้วยลูกชิดอบแห้งกลายเป็นขนมคีโตที่ ผู้รับประทานอาหารคีโตสามารถรับประทานได้ ความนิยมในการรับประทานจึงมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การกำหนดราคา

การกำหนดราคาเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเพื่อให้ราคามีความสอดคล้องกับปัจจัยต่างๆ และไปในทางเดียวกันกับกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ

1. กำหนดโดยคำนวณจากต้นทุน :  ต้นทุน + กำไรที่คาดหวัง = ราคาขาย

2. กำหนดราคาตามตลาด : โดยใช้ราคามาตรฐานจากแต่ละตลาดที่แตกต่างกันไปตามลักษณะ เช่น การตั้งราคาในตลาดที่ผูกขาด การกำหนดราคาในตลาดผู้ขายน้อยราย หรือการกำหนดราคาในตลาดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์

3. การกำหนดราคาที่เน้นการแข่งขัน : การกำหนดราคาเช่นนี้มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อเอาชนะคู่แข่งขัน การตั้งรราคไม่จำเป็นต้องเท่ากับคู่แข่ง สามารถอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่าก็ได้

ช่องทางการขายออนไลน์ทำอย่างไร หาลูกค้าจากไหนดี

1. Facebook : ปัจจุบัน Facebook มีฟังชั่นที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้งานผ่านฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Facebook ได้ เช่น Facebook Marketplace, Facebook Fanpage, Facebook Group ซึ่งแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายชัดเจน และยังสามารถใช้บริการโฆษณาผ่านทาง Facebook เองได้อีกด้วย

2. Instagram หรือ IG : นับเป็นแพลตฟอร์มโซเชี่ยลออนไลน์ที่เป็นแหล่งรวมของวัยรุ่นจำนวนมาก ผู้ประกอบการสามารถสร้าง Account ร้านค้าในการโปรโมทสินค้า โดยใช้รูปถ่าย หรือวิดีโอสั้นๆ ในการนำเสนอสินค้าได้

3. Line : เป็นแอปพลิเคชั่นสื่อสารที่มีการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการประกอบธุรกิจออนไลน์มากขึ้น มีฟังก์ชั่นทั้งในส่วนของ Line@, Line Business, Line Square และยังสามารถสร้าง Line Group ได้เช่นกัน

4. Website : การสร้าง Website เป็นปัจจัยทางการตลาดที่จะช่วยให้ธุรกิจสะดวกมากขึ้น เช่น การแสดงรายการสินค้า จำนวนสต็อก รูปภาพสินค้า รีวิว ผลงานการขายต่างๆ  ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

5. Shopee : แอปพลิเคชั่นซื้อ-ขายออนไลน์ยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก สามารถเปิดร้านค้าบนแอปพลิเคชั่นค่อนข้างง่ายและได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องการชำระเงิน และความน่าเชื่อถือจากรีวิวที่ได้รับ

6. Lazada : เช่นเดียวกับแอปพลิเคชั่น Shopee Lazada เป็นแอปพลิเคชั่นซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์เช่นเดียวกัน มีรูปแบบที่คล้ายคลึงอาจมีความแตกต่างในเรื่องของขั้นตอนในการสร้างร้านค้าบนแอปพลิเคชั่น

7. ฝากขาย : วิธีนี้สามารถใช้ได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป้นการฝากขายผ่านหน้าร้านค้าออนไลน์ต่างๆ รวมไปถึงการฝากขายให้กับหน้าร้านคาเฟ่ หรือเบเกอรี่ต่างๆ

8. ตัวแทนจำหน่าย : การหาตัวแทนจำหน่ายสามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ ซึ่งจะเพิ่มอัตราและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจร้านขายขนมออนไลน์ได้

9. Google Adsense : กรณีที่ร้านมีเว็บไซต์ Google AdSense เป็นบริการจาก Google ที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถนำโฆษณาของ Google มาแสดงบนหน้าเว็บไซต์ เมื่อมีผู้ใช้งานเข้ามา ดู หรือ กดเข้าโฆษณาบนเว็บไซต์ ก็จะได้รายได้จากทาง Google

แสดงความคิดเห็น