แฟรนไชส์ “บีเทสตี้” สเต็กอร่อย ราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้นที่ 49 บาทเท่านั้น!

คำว่าอร่อยนั้น สามารถรับรู้ได้แตกต่างกันออกไปตามแต่ปุ่มลิ้นของแต่ละคนจะรับและรู้ถึงรสชาติความอร่อยนั้น เขาจึงได้นำคำว่าอร่อยนี้มาตั้งเป็นชื่อร้านว่า บีเทสตี้(B’Tasty) ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า ความอร่อย แต่จะถูกปากคนไทยอย่างเราๆ ได้สักแค่ไหน และจะอร่อยสมชื่อหรือไม่ วันนี้เราจะได้มาพิสูจน์กัน เจ้าของร้านขายสเต๊กบีเทสตี้“คุณวารเดช จันทร์ประกายสี” เปิดร้านขายสเต็กในรูปแบบสเต็กที่มีความอร่อยแตกต่างจากสเต็กทั่วไป เป็นการนำอาหารกลิ่นอายต่างชาติมาสมคลุกเคล้าให้เข้ากับความเป็นอาหารไทยได้อย่างลงตัว

โดยคุณวารเดชเผยถึงชีวิตตนก่อนเริ่มทำธุรกิจขายสเต็กว่า ก่อนหน้านั้น ที่บ้านมีธุรกิจทำแว่นขาย พอหลังจากจบด้านสถาปัตยกรรม ม.รังสิต ก็เข้าทำงานในบริษัทเอกชนอยู่ครึ่งปี แต่ตนมีความคิดอยากจะมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเองอยู่ก่อนแล้วเพราะไม่อยากเป็นลูกน้องลูกจ้างใคร จึงลาออกจากงานมาเปิดธุรกิจขายสปาเกตตีในปี 2545 ใช้เงินลงทุนกว่า 80,000 บาท โดยอาศัพพื้นที่ทำกินเป็นพื้นที่เล็กๆ หน้าร้านแว่นตาของหน้าบ้าน ซึ่งอยู่แถวประตู 3 มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา แต่ด้วยความที่ทำเลตรงนั้นมีนักศึกษาเดินผ่านน้อยจึทำให้ขายสเต็กไม่ค่อยดีนัก จึงปรับเปลี่ยนมาขายตรงทางเข้าประตูใหญ่หน้ามหาวิทยาลัยแทนพร้อมกับการเปิดตัวเมนูใหม่อย่างสเต็กราคาสบายกระเป๋าเริ่มต้นที่ 49 บาท

ร้านบีเทสตี้ขายสเต็กที่มีทั้งไข่ดาว ข้าวผัด และไส้กรอกรวมอยู่ในจานเดียวกัน มีน้ำซอสให้เลือกกว่า 20 แบบ เช่น ซอสเกรวี่ ,ซอสเกรวี่พริกไทยดำ , ซอสบีเทสตี้ , ซอสบาร์บีคิว , ซอสสลัดครีม , ซอสครีมมะนาว , ซอสกระเพรา , ซอสต้มยำ ,ซอสทงคัตสึ ,ซอสเห็ดหอมน้ำแดง , ซอสเทอริยากิ , ซอสฮอทชิลลี่ , ซอสคาร์โบนาร่า , ซุปเห็ด และซุปสาหร่ายซอสที่ขึ้นชื่อของทางร้านคือซอสเกรวี่ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเอง อีกด้วยโดยคุณวารเดชตั้งใจว่าจะคิดค้นน้ำซอสให้มีรูปแบบที่แปลกใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

และนอกจากเมนูพระเอกอย่างสเต็กแล้ว ทางร้านยังมีเมนูสไตล์ฝรั่งอย่างสปาเกตตีและสไตล์ญี่ปุ่นอย่างรางเมงและข้าวหน้าต่างๆ อีกด้วย เนื่องจากการทำธุรกิจในแต่ละครั้ง ก็อาจจะพบต้องพบเจออุปสรรคบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับร้านขายสเต็กบีเทสตี้ที่ต้องเจอกับปัญหาพนักงานเข้าออกบ่อย แต่ก็กำลังแก้ไขด้วยการจ้างในอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังต้องเจอกับปัญหานักศึกษาปิดภาคเรียนที่ทำให้ยอดขายลดลงกว่าครึ่ง ประกอบกับที่ทำเลแถวนั้นมีร้านอาหารเปิดขายมากมายราว 50-60 ร้าน เฉพาะร้านสเต็กก็มี 5 ร้านแล้ว ตนจึงต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการปรับเปลี่ยนเมนูให้แปลกใหม่กว่าเดิม นอกจากนี้ยังขยายตลาดด้วยการเพิ่มห้องแอร์เพื่อรองรับลูกค้าที่มาเป็นครอบครัว อีกทั้งเปิดสาขากว่า 21 สาขาด้วยกัน ทั้งในกรุงเทพและสาขาต่างจังหวัด พร้อมทั้งเปิดขายแฟรนไชส์ให้สำหรับผู้ที่สนใจ ด้วยเงินลงทุนหลักหมื่นคะ

รูปแบบการลงทุน
เงินลงทุนประมาณ 40,000-50,000 บาท

เงื่อนไขแฟรนไชส์
1. ทางร้านจะไม่เก็บเงินค่าลิขสิทธิ์ (Franchise Fee) และค่ารอยัลตี้ฟี Royalty Fee)
2. ข้อกำหนดมาตรฐานสำหรับผู้ที่สนใจอยากเปิดแฟรนไชส์
1. ติดตั้งกล่องไฟป้ายหรือมีป้ายที่แสดงโลโก้(เครื่องหมายการค้า) ดังร้านต้นแบบ
2. เมนูอาจจะเลือกเฉพาะรายการอาหารที่ต้องการ โดยทางร้านจะออกแบบให้ใหม่โดยไม่คิดค่าออกแบบเพิ่มเติม
3. ชุดฟอร์มพนักงาน
3. ทางร้านจะให้คำแนะนำการลงทุนในการซื้ออุปกรณ์เบื้องต้นตามความจำเป็นและตามการลงทุนจริง โดยขึ้นอยู่กับว่าทางผู้ดำเนินธุรกิจสนใจจะลงทุนประกอบธุรกิจประเภทใด ได้แก่ สเต็ก, สปาเก็ตตี้, ข้าวสไตล์ใหม่ ๆและสลัด
4. ผู้ดำเนินธุรกิจต้องซื้อผลิตภัณฑ์เป็นบางส่วนจากทางเราเพื่อนำมาปรุงจำหน่าย โดยทางเราจะมีบริการส่ง โดยทางร้านจะเป็นผู้ออกเงินค่าส่งครึ่งหนึ่งและคิดค่าส่งอีกครึ่งหนึ่งจากผู้ดำเนินธุรกิจ
5. ทางร้านจะให้คำแนะนำเรื่องการประชาสัมพันธ์ร้าน ทั้งตอนก่อนเปิดร้านวันแรกและระหว่างการดำเนินกิจการ โดยการใช้แผนการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
6. ในระหว่างการดำเนินกิจการ หากมีรายการอาหารใหม่ๆ หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ ทางร้านจะแนะนำให้ผู้ดำเนินธุรกิจ เพื่อที่ผู้ดำเนินธุรกิจสามารถตัดสินใจจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้
7. ทางร้านมีจัดอบรมการทอดสเต็ก การปรุงอาหารอื่น ๆ และศิลปะการตกแต่งอาหารให้น่าทานให้ก่อนอย่างน้อย 1 อาทิตย์ หรือจนกว่าผู้ดำเนินธุรกิจจะมีความชำนาญ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย