ขายของตลาดนัด “เลือกตำแหน่งตั้งร้าน” อย่างไรดี? ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ

ตำแหน่งที่ตั้งร้านถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์นอกเหนือจากการเลือกทำเลขายของ เพราะเป็นสถานที่ที่ลูกค้าจะได้มองเห็นร้านของเรา และเห็นสินค้าของเราได้อย่างชัดเจนแล้วจดจำร้านของเราผ่านที่ตั้ง เพราะลูกค้าหลายๆรายมักจะจำที่ต้งของร้านโปรดหรือร้านประจำในตลาดนัดของตัวเองนอกจากการจำชื่อร้านค้า

การมีที่ตั้งร้านที่ดี จึงเป็นตัวช่วยการเข้าถึงลูกค้า และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยการขายที่ผู้ประกอบการร้านค้าปลีก หร้านค้าแบบออฟไลน์จำเป็นต้องมี

ขั้นตอนก่อนการเลือกที่ตั้งร้าน

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าตัวเองเป็นใคร? ในที่นี้หมายถึงรู้ว่าเราขายอะไร กลุ่มลูกค้าเราเป็นกลุ่มแบบไหน เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือกลุ่มลูกค้าแบบครอบครัว เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วตลาดนัดจะมีการจัดโซนหรือแบ่งแยกกลุ่มสินค้าเอาไว้ให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าแล้ว เช่น โซนของกิน โซนสินค้าแฟชั่น โซนของใช้ ของแต่งบ้าน โซนร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งแม้จะมีการแบ่งโซนให้แต่เราก็ยังสามารถเลือกตำแหน่งในโซนนั้นได้ ซึ่งก็ต้องไว เพราะคู่แข่งรายอื่นๆต่างก็ต้องการตำแหน่งที่ดีที่สุดในโซนนั้นๆเช่นกัน

หลักการเลือกที่ตั้งร้านในตลาดนัด

สำหรับหลักการเลือกที่ตั้งร้านขายของในตลาดนัดที่จะแนะนำในครั้งนี้นั้น จะขอแนะนำหลักการเลือกที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าแฟชั่น ของกิน ของแต่งบ้าน เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจหรือร้านค้าของตัวเองได้

1.หลีกเลี่ยงมุมอับ

ควรหลีกเลี่ยงมุมอับและที่แคบ เพราะเป็นที่ตั้งที่ลูกค้านั้นสังเกตุเห็นได้ยาก และเป็นสถานที่ลูกค้าไม่สะดวกในการเข้าไป นอกจากนี้ร้านที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่เป็นมุมอับหรือคับแคบนั้นแทบจะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้า เพราะตามหลักจิตวิทยาแล้วคนจะมองว่ามุมอับนั้นไม่ปลอดภัย ดูไม่น่าสนใจและหากคับแคบก็ยิ่งทำให้ลูกค้าอึดอัดไปอยากเข้าไป และในทางฮวงจุ้ยก็ถือเป็นทำเลที่ไม่ควรตั้งร้านเป็นทำเลอับโชค ไม่เป็นมงคล

2.มีแสงสว่างเพียงพอ

มีแสงไฟเข้าถึงหรือมีแสงสว่างที่เพียงพอ บางตลาดนั้นแสงไฟหรือเสาไฟมีจำกัด ดังนั้นทำให้พื้นที่บางส่วนมีแสงสว่างส่องไปไม่ทั่วถึงหรือส่องได้น้อยมาก ทำให้พื้นที่ตรงนั้นดูสลัวๆ ไม่น่าสนใจ เมื่อผู้ประกอบการหรือพ่อค้าแม่จะเลือกที่ตั้งร้านต้องพิจารณาดูให้ดีว่ามีปลั๊กไฟหรือมีไฟส่องสว่างให้เพียงพอหรือไม่ เพื่อที่ร้านของคุณจะได้ดูสว่างสไหว ลูกค้ามองเห็นสินค้าได้อย่างชัดเจน ยิ่งกับธุรกิจที่ต้องให้มองเห็นสินค้าได้อย่างละเอียด เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ แสงสว่างจึงยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ

3.ไม่โดดเดี่ยว

การค้าต้องพึ่งพาความวุ่นวาย ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งนับว่าเป็นทำเลที่มีการซื้อขายที่ดีนั่นเอง ดังนั้นเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าเลือกที่ตั้งร้านต้องดูว่าพื้นที่ใกล้เคียงนั้นมีพ่อค้าแม่ค้าอื่นๆรายล้อมอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะแม้ว่าจะได้ตำแหน่งที่ดีในโซนนั้นๆ แต่หากพื้นที่ข้างๆนั้นเงียบเหงา ก็จะพาให้ร้านเราดูเหงาหงอยไปด้วย และในทางฮวงจุ้ยถือเป็นสถานที่ต้องห้าม ความโดดเดี่ยวจะทำให้ การไหลเวียนของกระแสเงินหรือความมั่งคั่งไม่สมดุล

4.อยู่ใกล้ทางสัญจร

หมายถึงเป็นที่ตั้งที่ลูกค้าสามารถเดินเข้าออก ยิ่งเป็นบริเวณใกล้ทางเข้าออกก็ยิ่งดีเพราะลูกค้าจะได้สังเกตุเห็นร้านของคุณตั้งแต่เดินเข้ามา หรือใกล้ทางเดินที่ลูกค้าจะสามารถเดินช้อปปิ้งและชมสินค้าหลายๆสินค้าและสามารถเดินต่อมายังร้านค้าของท่านได้อย่างสบายก็ได้ บางตลาดนัดจะมีการจัดโซนร้านค้าให้ลูกค้าสามารถเดินวนไปมาในโซนได้ แต่ถ้าหากตลาดไหนไม่มีท่านผู้ประกอบการหรือพ่อค้าแม่ค้า ให้พิจารณาดูว่าลูกค้าสามารถเดินเข้ามาถึงร้านได้หรือไม่

5.ไม่มีสิ่งบัดบังร้าน

หลีกเลี่ยงตำแหน่งที่มีเสาไฟบังหน้าร้าน มีป้ายประกาศ เป็นต้น เพราะจะยิ่งทำให้ร้านของคุณหายไปจากจุดโพกัสของลูกค้า นอกจากนี้แล้วการที่มีสิ่งบดบังร้านทำให้ร้านของคุณดูแคบลง พื้นที่ใส้ซอยดูน้อยลงทั้งที่มีพื้นที่เท่ากันกับร้านอื่นๆ และในทางฮวงจุ้ยการมีสิ่งบดบังร้านนั้นเป็นสิ่งไม่ควรมี เพราะจะทำให้ทำมาค้าขายติดขัด เงินทองไหลเวียนไม่สะดวก ไม่ส่งเสริมความมั่งคั่ง

วิธีแก้ปัญหาเมื่อได้ที่ตั้งร้านไม่ดี

1.แก้ปัญหามุมอับ

หากได้ที่ตั้งร้านที่เป็นมุมอับหรือที่แคบ ทางตัน เป็นต้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และจำเป็นต้องเลือกที่ตั้งตรงนี้ ให้เพิ่มแสงไฟในร้านให้สว่างไสว ลูกค้ามารถมองเห็นได้ชัดเจน จัดสินค้าให้เป็นระเบียบ แบ่งแยกให้ชัดเจน เพื่อที่ร้านจะได้ดูกว้างขึ้น

2.แก้ปัญหามีแสงไม่เพียงพอ ไม่มีปลั๊กไฟ

หากได้ที่ตั้งที่ไม่มีปลั๊กไฟหรือมีแสงไฟสองสว่างได้น้อยมาก ให้ใช้โคมไฟแบบไร้สาย หรือใช้ไฟโซล่าเซลล์ช่วยส่องสว่างให้ร้านของคุณสว่างจ้า ลูกค้าจะได้ไม่พลาดที่จะเห็นร้านของคุณ

3.แก้ปัญหาพื้นที่โดดเดี่ยว

หากโชคร้ายได้ที่ตั้งที่ค่อนข้างจะเงียบ ร้านค้าข้างเคียงก็มีไม่มาก ใช้เสียงเพลงเป็นตัวกระตุ้นความน่าสนใจ กระตุ้นความคึกคัก ไม่ให้คุณรู้สึกหมดไฟในการไปด้วย นอกจากนี้เสียงเพลงยังช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าได้รับรู้ว่ายังมีร้านขายสินค้าอยู่ในพื้นที่ถัดและช่วยเชื้อเชิญให้ลูกค้าสนใจอยากตามไปดูว่าเขาขายอะไรกัน

4. แก้ปัญหาเข้าถึงได้ยาก

สิ่งที่จะทำให้ลูกค้าอยากจะเข้าไปยังพื้นที่ที่เดินสวนทางได้ยาก หรือไม่ได้อยู่ใกล้ทางเข้าออกและลูกค้าสังเกตุร้านได้ไม่ได้เจน นั่นก็คือความน่าสนใจ ดังนั้จะต้องจัดต่งแต่งร้านให้น่าสนใจ เพื่อไฟแต่งร้านสวยๆ ป้ายสีสันสดใส หรือใช้เสียเพลงเข้าช่วยด้วยก็ได้เช่นกัน

5. แก้ปัญหามีสิ่งบัดบังร้าน

อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ที่ตั้งตรงนี้ หรือถูกบดบังแต่บางมุม บางส่วน สิ่งที่จะทำให้ร้านไม่หลุดจุดโฟกัดจากลูกค้า ให้พ่อค้าแม่ค้า วางป้ายหรือป้ายร้านไว้หน้าร้านให้ชัดเจน จะเป็นป้ายไฟหรือป้ายที่มีสีสันสดใส น่ารักๆ น่าสนใจก็ตามแต่ สิ่งนี้จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าไปโพกัสที่ป้ายของร้าน และกระตุ้นความสนใจ พ่อค้าแม่ค้าสามารถใช้การตกแต่งร้าน ไฟแต่งร้านสวยๆร่วมด้วยก็ได้เช่นกัน

และทั้งหมดนี้ก็เป็นหลักการเลือกที่ตั้งร้านค้าในตลาดนัดเบื้องต้น พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการสามารถนำไปพิจารณาประกอบการจัดตั้งร้านได้ นอกจากเรื่องของที่ตั้งร้าน ทำเลขายของแล้ว พ่อค้าแม่ค้าจะต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ เช่น การตกแต่งร้าน การจัดโชว์สินค้า ราคาที่น่าสนใจ เป็นต้น เป็นองค์ประกอบร่วมด้วย เพื่อที่ร้านของท่านจะได้น่าสนใจและสามารถเรียกลูกค้าเข้าร้านได้เยอะๆ

แสดงความคิดเห็น