ขายข้าว “ข้าวออร์แกนิค เนเจอร์ฟู้ด” ธุรกิจข้าวมิติใหม่ เอาใจคนรักสุขภาพ

ขายข้าว “ข้าวออร์แกนิค เนเจอร์ฟู้ด” ธุรกิจข้าวมิติใหม่ เอาใจคนรักสุขภาพ

ทุกวันนี้เราคงได้ยินข่าวเรื่องราคาข้าวที่ตกต่ำมากเป็นพิเศษ ทำให้เป็นผลเสียกับชาวนาหลายรายเนื่องจากพอผลผลิตออกมามาก นายทุนหรือพ่อค้าคนกลางสามารถซื้อข้าวในราคาที่ต่ำลงได้ เท่านั้นยังไม่พอ อาจถึงขั้นถูกกดราคาเลยก็มี กลายเป็นว่าชาวนาขาดทุนไปเลยครึ่งหนึ่ง ด้วยความที่เป็นลูกครอบครัวชาวนา เขาได้มองเห็นปัญหานี้มาโดยตลอด จึงตั้งความหวังในอนาคตไว้ว่าสักวันเขาจะประประกอบธุรกิจค้าข้าวหรือ “ขายข้าว” เพื่อสุขภาพ ถือเป็นการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ข้าวให้มีความสำคัญมากขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

บุคคลที่ว่านั้นก็คือ “นายมานพ แก้วโกย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หจก.เนเจอร์ฟู้ดโปรดักส์แอนด์มาร์เก็ตติ้ง ที่มองเห็นปัญหาการค้าข้าวดังกล่าวตั้งแต่ยังเด็ก จึงเริ่มต้นสร้างธุรกิจทันทีที่เรียนจบ จนกลายเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวออแกนิคเอาใจคนรักสุขภาพภายใต้ชื่อแบรนด์เนเจอร์ฟู้ดในวัยเพียง 24 ปี โดยธุรกิจข้าวออกานิคนั้นยังถือเป็นการต่อยอดการทำนาของครอบครัวเขาที่จังหวัดสุรินทร์อีกด้วย

นายมานพเล่าย้อนไปว่า ต้นได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนทุนเข้ามาเรียนปริญญาตรีที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยในสมัยทีเรียนนั้น ตนก็ได้วิจัยและศึกษาเรื่องการแปรรูปอาหารไปด้วยเพื่อลบรอยความหลังฝังใจเกี่ยวกับปัญหาข้าวราคาตกต่ำที่ได้กล่าวมา และหวังว่าจะสามารถนำความรู้ที่ตนได้ศึกษานั้นมาต่อยอดเพื่อพัฒนาชุมชนของตนอีกด้วย

เขาเริ่มวางแผนธุรกิจตั้งแต่ขอยู่ชั้นปีที่ 3 โดยแนวทางที่วางไว้ตอนนั้นมีทั้งแบบระยะสั้นและระยาว ระยะสั้นคือการแปปรูข้าว และพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชน ส่วนแผนระยะยาวคือ สร้างแบรนด์ข้าวไทยเพื่อสุขภาพสู่ตลาดโลกได้ โดยหลังเรียนจบ เขาก็ได้นำเงินไปลงทุนเปิดเป็นบริษัทขึ้นมา พร้อมกับเปิดตัวสินค้าข้าวกล้องหอมมะลิออกานิคเมื่อธันวาคม ปี 2555

แต่เขาก็รู้ดีว่าในตลาดนั้น มีข้าวกล้องหอมมะลิออกานิควางขายอยู่แล้วหลายแบรนด์ แต่ตนก็ได้เสนอจุดขายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมคุณภาพตั้งแต่เริ่มปลูก จนถึงช่วยเวลาเก็บเกี่ยว โดยการตั้งอายุการเก็บเกี่ยวไว้ไม่ให้เกิน 27 วัน ตั้งแต่ข้าวออกดอก ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ข้าวที่ได้นุ่ม พอทานเข้าไปจะรู้สึกแข็งกระด้าง จุดขายที่สองคือ การควบคุมปริมาณความหอมของข้าวให้มีความหอมคล้ายกลิ่นของใบเตย ไม่ใช่กลิ่นหอมมะลิดังเช่นยี่ห้อทั่วไป ซึ่งถ้าควบคุมปัจจัยทั้งสองอย่างนี้ จะได้ข้าวที่ทั้งนุ่มและหอม

การแพ็คก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องสำหรับธุรกิจขายข้าว โดยเขาเลือกใช้การแพ็คแบบสุญญากาศที่จะช่วยให้ข้าวสดใหม่และป้องกันมอดแมลงไปด้วยในตัวโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น หากถามถึงที่มาของข้าวว่าปลูกที่ใด เป็นที่แน่นอนว่าเขาใช้บ้านเกิดซึ่งก็คือสุรินทร์เป็นแหล่งปลูก ส่วนเรื่องโรงงานนั้นก็ได้ขอเช่าโรงงานของภาควิชาวิศวกรรมอาหาร ของทางเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบังเป็นแหล่งผลิต

เมื่อผลิตโปรดัส์ได้เรียบร้อยแล้วเขาก็เริ่มหาช่องทางตลาดด้วยการให้ญาติสนิทมิตรสหาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้ทดลองชิมกัน ส่วนใหญ่ติดใจในรสชาติ จึงเริ่มที่จะมีกำลังใจก้าวต่อไปด้วยการฝากขายตามร้านเพื่อสุขภาพต่างๆ โดยขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 95 บาท

ผลิตภัณฑ์ของเขาไมได้หยุดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่ได้คำแนะนำจากอาจารย์ภาควิชาให้ไปเข้าร่วมโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครบวงจรหรือ Thailand Food Valley เพื่อขอรับทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อุสาหกรรมเกษตรแปรรูป เกิดการต่อยอดมาเป็นโปรดักส์ชิ้นที่ 2 คือข้าวออกานิคผสมผักรวมแบบสำเร็จรูป และชิ้นที่ 3 นั่นก็คือ ข้าวมะลิสุรินทร์ ตามมา โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชิ้นนั้นมีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ข้าวออกานิคผสมผักรวมนั้นมีไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ หอมร่อยมากกว่าข้าวออกานิคแบบธรรมดา ส่วนข้าวมะลินิลจะช่วยในเรื่องการต่อต้านมะเร็ง โรงหัวใจและเบาหวาน

และด้วยความที่เห็นว่าในปัจจุบันนั้นสาวๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมทานข้าวเพราะกลัวอ้วน เขาจึงได้พัฒนาโปรดักส์ที่ 4 ซึ่งเป็นโปรดักส์ที่กำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการ มีชื่อง่ายๆ ว่า “ข้าวหุ่นเพรียว” โดยการเติมสารแอลคาร์นิทีนลงไปเพื่อช่วยให้นำไขมันส่วนเกินไปเผาผลาญในเซลล์ที่เราใช้พลังงาน เพราะสำหรับคนที่กำลังควบคุมอาหารหรืออยากทานแล้วไม่อ้วน ถือเป็นการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายจากผลิตภัณฑ์ที่ 2 และ 3 ที่อาจจะได้แค่กลุ่มคนที่รักสุขภาพเท่านั้น โดยโปรดักส์ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นทำรายได้รวมกันอยู่ที่เดือนละประมาณ 200,000 บาท

แม้เขาจะขึ้นแท่นเป็นประกอบธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ประสบการณ์และความคิดที่มองการณ์ไกลต่างไม่ได้น้อยตามไปด้วยเลย โดยเขาได้ตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ทั้งระยะสั้นและระยาว ระยะสั้นคือการมีโรงงานผลิตเล็กๆ เป็นของตนเองที่เกิดบ้านเกิดในสุรินทร์ เพราะโรงงานผลิตที่ได้เช่าอยู่ ณ เวลานี้มีปัญหาเรื่องการขนส่งและของเสียที่เกิดขึ้นระหว่างการแปรรูป จึงคิดว่าไม่คุ้มทุน ส่วนเป้าหมายในระยะยาวนั้นตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงชุมชนเล็กๆ ให้กลายเป็นแหล่งปลูกข้าวที่มีคุณภาพและชื่อเสียงในระดับโลกให้ได้

ข้อมูลเพิ่มเติมข้าวเพื่อสุขภาพ เนเจอร์ฟู้ด
ชื่อร้าน : ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนเจอร์ฟู้ดโปรดักส์แอนด์มาร์เก็ตติ้ง
ที่อยู่ : เลขที่ 79 หมู่ที่ 6 ตำบลสระขุด อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ รหัสไปรษณีย์ 32190
เบอร์ : 084-5225024
อีเมล์ : naturefoodth@gmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/naturefoods