ขั้นตอนเปิดร้าน “ขายปลาหมึกย่าง ปลาหมึกเสียบไม้” ลงทุนต่ำ

เมนูยอดนิยมที่เราจะต้องเจอทุกครั้งเมื่อไปเดินตลาดนัดหรือถนนคนเดินคือ “ปลาหมึกย่าง” ปลาหมึกน้อยใหญ่เรียงรายให้เลือกซื้อกันได้ตามใจชอบ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดมัดใจกลุ่มลูกค้าให้ต้องแวะเวียนเข้ามาซื้อซ้ำ

ขายปลาหมึกย่างหรือปลาหมึกเสียบไม้ นับเป็นหนึ่งอาชีพที่เริ่มต้นง่ายและสามารถสร้างกำไรได้ดีเลยทีเดียว เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่สำคัญมีราคาถูกเริ่มต้นที่ไม้ละ 10 บาท ดังนั้นแค่กำเงิน 10 บาทไปก็สามารถซื้อรับประทานได้แล้ว

สำหรับผู้ประกอบการหรือผู้เริ่มต้นอาชีพท่านใดที่สนใจอยากจะลองขายปลาหมึกย่างหรือปลาหมึกเสียบไม้ย่างขาย เราได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการลงทุนเปิดร้านเล็กๆขายตามตลาดนัด ถนนคนเดิน ตลาด หรือใต้หอพัก อพาร์ทเม้นท์ ดังนี้

เริ่มต้นขายปลาหมึกย่าง

ขั้นตอนเริ่มต้นก่อนขายปลาหมึกย่างและปลาหมึกเสียบไม้ ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้

1. ทำเลขาย เลือกทำเลขายที่ค่อนข้างมีผู้คนพลุกพล่านหรือเป็นตลาดนัดที่เป็นที่รู้จักและได้ความนิยมของผู้คนจำนวนมาก หากเลือกตำแหน่งได้ให้เลือกบริเวณใกล้ทางเดินเข้า – ออก เพราะเป็นบริเวณที่คนที่มาเดินตลาดจะต้องผ่าน เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น

2. งบลงทุน เตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่ขาย ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนอุปกรณ์ ค่าเดินทาง ตลอดจนเงินหมุนเวียนในร้าน

3. สูตรน้ำจิ้มรสเด็ด การขายปลาหมึกย่างหรือปลาหมึกเสียบไม้นั้น “หัวใจสำคัญคือน้ำจิ้ม” ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการวัดว่าร้านคุณจะสามารถขายดีและขายได้หรือไม่ เพราะปลาหมึกนั้นสามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่น้ำจิ้มสูตรเด็ดนั้นแต่ละร้านทำออกมาไม่เหมือนกัน

งบการลงทุน

ค่าวัตถุดิบ เช่น ปลาหมึก น้ำจิ้ม ( ลงทุนประมาณ 1,000 บาท ปลาหมึก 8 – 10 แพค)
ค่าอุปกรณ์ เช่น ไม้เสียบปลาหมึก ถุงพลาสติก เตาย่างปลาหมึก ถาด ขวดใส่น้ำจิ้ม เป็นต้น (ลงทุนประมาณ 1,500 บาท)
ค่าเช่าพื้นที่ (100 – 300 บาท) ต่อวัน
เงินหมุนเวียน (500 – 1,000 บาท)

อุปกรณ์จำเป็นเบื้องต้น

เตาย่าง ราคาประมาณ 300 บาท (ขนาดเล็กใช้ถ่านไม้หุงต้ม)
ถ่านไม้หุงต้มหรือถ่านดำ ราคาประมาณ 20 บาท/ถุง
ไม้เสียบปลาหมึก ราคาประมาณ 20 บาท/แพค (ขนาด 250 กรัม)
ถุงใส่น้ำจิ้ม ราคาประมาณ 15 – 20 บาท/แพค (ขนาด 100 กรัม)
ถาดวางปลากหมึก ราคาประมาณ 80 – 100 บาท/ถาด
ยางมัดของ ราคาประมาณ 60 บาท/แพค (ขนาด 500 กรัม)
กระปุกพสาลติกใหญ่ ราคาประมาณ 100 บาท/ใบ (ขนาด 15 ลิตร)
โต๊ะขนาดกลาง ราคาประมาณ 500 บาท
กล่องโฟม ราคาปะมาณ 100 บาท (ขนาด 20 กิโลกรัม)
ถุงพลาสติกหูหิ้ว ราคาประมาณ 20 – 30 บาท/แพค

*อุปกรณ์อื่นๆผู้ประกอบการสามารถเพิ่มได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปูโต๊ะหรือหลอดไฟต่างๆ พิจารณาได้ตามความเหมาะสม

วัตถุดิบเบื้องต้น

ปลาหมึกหรือหมึกเสียบไม้พร้อมย่าง
น้ำจิ้มซีฟู๊ด
น้ำแข็งหลอดสำหรับแช่ปลาหมึก
ถ่านดำ/ถ่านไม้หุงต้ม

คำแนะนำเบื้องต้น

หากไม่ซื้อปลาหมึกมาชำแหละเสียบไม้เอง สามารถซื้อแบบสำเร็จรูปพร้อมย่างมาย่างขาย ซึ่งสามารถซื้อได้จากร้านขายส่งปลาหมึกและหมึกเสียบไม้ ราคาจะอยู่ที่ 100 – 120 บาท/แพค (ขึ้นอยู่กับขนาด) หากเป็นปลาหมึกไข่ตัวใหญ่ก็จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาทขึ้นไป
น้ำจิ้มหากไม่ทำเอง ก็สามารถสั่งซื้อจากร้านขายส่งน้ำจิ้มหรือร้านขายน้ำจิ้มสำเร็จรูป เช่น แมคโคร โลตัส เป็นต้น ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 200 บาท (สำหรับน้ำจิ้มผู้ประกอบการควรจะทดลองและหารสชาติที่คิดว่าถูกใจลูกค้ามากที่สุด น้ำจิ้มคือหัวใจสำคัญ)
ตั้งราคาขายที่เหมาะสม ควรขายที่ไม้ละ 10 – 20 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาด ราคาแนะนำเบื้องต้นเป็นราคาไม้เล็ก)
ต้องคำนึงถึงความสะอาด สดและถูกหลักอนามัยเสมอ ไม่ว่าจะเลือกซื้อด้วยตัวเองหรือสั่งจากร้านขายส่งต่างๆ

กลยุทธ์ในการขาย

ย่างสดใหม่ อย่าย่างทิ้งไว้คราวละมากๆ ย่างไว้แค่ให้พอมีสินค้าโชว์หน้าร้านก็พอ เพราะเมื่อทิ้งไว้จนปลาหมึกเย็นแล้วจะให้เสียรสชาติ เหนียวจนเกินไป หมึกย่างต้องรับประทานต้องที่ยางเสร็จใหม่ๆพร้อมน้ำจิ้มสูตรพิเศษถึงจะอร่อย
วางป้ายราคาให้ชัดเจน ตามประเภท เช่น คางหมึก คอหมึก ไข่หมึก หนวดหมึก เป็นต้น ลูกค้าจะได้สั่งซื้อได้ถูกต้องและไม่มีปัญหาภายหลัง
รักษาความสะอาด ดูแลความสะอาดของอาหาร ระวังอย่างให้แมลงวันตอมหรือมีสิ่งสกปรกตกลงไป ควรหาฝามาครอบหรือพลาสติกใสปิดทับป้องกันแมลงและฝุ่น
น้ำจิ้มต้องอร่อยจริง ชิมรสชาติน้ำจิ้มก่อนนำมาขาย ทดสอบจากหลายๆแหล่งและให้คนอื่นๆช่วยชิมด้วยเพื่อหาร้านที่รสชาติถูกปากมากที่สุด
เพิ่มเมนูใหม่ เช่น เพิ่มพริกหม่าล่า เอาใจกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
จัดโปรโมชั่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายบ้างเพื่อกระตุ้นยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น ซื้อครบ 100 บาทแถมฟรี 1 ไม้ หรือซื้อ 10 แถม 1 เป็นต้น
เพิ่มช่องทางติดต่อ อาจวางป้ายคิวอาร์โค้ด Line@ ของร้านเพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารแจ้งข่าวสารของร้านหรือแจ้งรายการปลาหมึกที่จะขาย รวมทั้งรับออร์เดอร์ลูกค้าล่วงหน้า ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนาน