ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก
ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง
นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

ผลไม้เป็นสิ่งที่หาทานได้ง่ายตลอดทั้งปี เพราะบางชนิดนั้นออกผลตามฤดูกาล แต่บางชนิดออกผลได้ตลอด เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ไทยจึงอาจได้รับผลกระทบจากราคาผลไม้ตกต่ำบ้าง เนื่องจากปริมาณที่มากเกินไป การแปรรูปผลไม้เหล่านั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าจึงได้พัฒนาขึ้นมากในปัจจุบัน นอกจากการตั้งใจแปรรูปแล้ว ความบังเอิญได้ทำให้เกิดการแปรรูปอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถทำได้ในเฉพาะมังคุด และสร้างรายได้ให้แก่ผู้ค้นพบจำนวนหลายล้านบาทต่อปี

“บริษัท อินฟินิทฟรุ้ต จำกัด” ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้มานานกว่า 30 ปีทำให้ค่อนข้างมีความใกล้ชิดกับเกษตรกร จนในปี 2553 ราคามังคุดตกต่ำอย่างมากและส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ทางบริษัทจึงรับซื้อมังคุดเหล่านั้นจำนวนเป็นพันตันเพื่อนำมาผ่านกระบวนการแช่เยือกแข็งผลไม้ที่อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส ให้สามารถยืดอายุและความอร่อยของมังคุดต่อไปได้ และเพื่อเป็นการพยุงราคาของมังคุดไม่ให้ตกลงไปมากกว่านี้ด้วย

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

แต่แล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้นเนื่องจากมีมังคุดบางส่วนที่สีเนื้อเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีอมชมพู ทางบริษัทคิดว่ามังคุดนั้นเน่าเสีย แต่ภายหลังกลับพบว่าไม่ได้เกิดจากการเน่าเสีย แต่มาจากสารสีแดงในเปลือกมังคุดซึมเข้าสู่เนื้อของมันระหว่างการแช่เยือกแข็ง ซึ่งทำให้เกิดการแพร่คุณประโยชน์จากเปลือกมันด้วย เนื่องจากเปลือกมังคุดนั้นมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ เช่น มีสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) และแซนโทน (Xanthone) มากกว่าปกติ 5 เท่า ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น ทางบริษัทจึงได้แนวคิดขายมังคุดเนื้อสีแดงนี้อย่างจริงจัง โดยตั้งชื่อว่า “Ruby Mangosteen” โดยมีที่มาจากสถานที่ตั้งนั้นคือจังหวัดจันทบุรีซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอัญมณี และทับทิม (Ruby) เป็นสีแดงคล้ายกับมังคุดเนื้อแดงที่ได้ค้นพบ

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

หลังจากตัดสินใจทำตลาดอย่างจริงจัง ทางบริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีซึ่งสนับสนุนโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในการวิจัยและพัฒนาร่วมกันเป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อให้มังคุดเนื้อสีแดงสามารถวางขายได้ รับประทานแล้วได้รับคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูง จากการวิจัยทำให้เกิดกระบวนการผลิตอย่างเป็นขั้นตอนมากขึ้น เริ่มจากการคัดเลือกมังคุดที่แก่จัดจากที่รับซื้อมาจากเกษตรกรแล้วนำไปเข้ากระบวนการแช่เยือกแข็งที่อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นสารสีแดงจากเปลือกจะแพร่เข้าสู้เนื้อ ทำซ้ำกระบวนการนี้ประมาณ 3 ครั้ง โดยใช้เวลา 3-4 วัน เพื่อให้เนื้อมังคุดมีสีแดงสม่ำเสมอ น่ารับประทาน

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

ช่องทางการตลาดที่สำคัญของมังคุดเนื้อสีแดงนี้จะเน้นที่การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในหมวดหมู่ผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชียที่ค่อนข้างนิยมและรู้จักมังคุด ซึ่งในช่วง 2 ปีหลังจากการวิจัยเป็นช่วงของการทดลองตลาด ทำให้ทราบว่ามังคุดเนื้อแดงนั้นสามารถขายได้และยังได้รับความนิยมด้วย ราขายขายกิโลกรัมละ 5-6 ดอลล่าร์สหรัฐซึ่งมากกว่ามังคุดแบบปกติถึง 2 เท่า และในปี 2558 นี้บริษัทจึงวางแผนการตลาดขายมังคุดเนื้อสีแดงอย่างจริงจัง ทั้งนี้รสชาติของมันจะฝาดกว่ามังคุดแบบปกติเล็กน้อย ทางบริษัทจึงมีการจำหน่ายสินค้าแปรรูปที่มีการปรับปรุงให้ถูกปากลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วย เช่น น้ำมังคุดเนื้อสีแดง มังคุดเนื้อสีแดงบรรจุแคปซูล หรือซอสมังคุด เป็นต้น

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก

บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการแปรรูปต่อไปในอนาคต เพราะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 20% ของยอดขายบริษัททั้งหมด อีกทั้งประโยชน์ของการขายมังคุดแปรรูปไม่ว่าจะเป็นมังคุดเนื้อสีแดง หรือตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้นมีข้อดีที่สามารถกำหนดราคาได้เอง ไม่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำเหมือนที่เกษตรกรได้รับมากนัก ส่งผลให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ขายมังคุด “อินฟินิทฟรุ้ต” มังคุดเนื้อสีแดง นวัตกรรมสร้างมูลค่าราชินีผลไม้ส่งออก (5)

ข้อมูลติดต่อขายมังคุด อินฟินิทฟรุ้ต
เว็ปไซต์: www.infinitefruit.com
Facebook :www.facebook.com/infinitefruitthailand
เบอร์โทรศัพท์ : 039-395678

หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพบางภาพจาก : ผู้จัดการออนไลน์

แสดงความคิดเห็น