ขายหนังสือมือสอง สร้างรายได้จากสิ่งพิมพ์
แม้ว่าโลกจะพัฒนาไปสู่ระบบดิจิตอล การสื่อสารออนไลน์แบบไร้สาย การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกทำได้ง่ายแค่ปลายนิ้วคลิก แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้หนังสือก็ยังเป็นสื่อหรือสิ่งพิมพ์ที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเราอยู่อย่างน้อยก็ในโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยต่าง หนังสือทั่วไปๆก็ล้วนแล้วแต่เป็นคลังความรู้ที่สำคัญนอกเหนือจากตำราเรียนหลักที่จำเป็น หนังสือไม่เพียงแต่จำเป็นเฉพาะกับกลุ่มนักเรียน นักศึกษาเท่านั้น ในสังคมไทยไม่ได้มีแค่กลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ ยังมีกลุ่มคนที่ใช้สื่อไม่เป็น รวมทั้งกลุ่มคนที่ยังด้อยโอกาสเองก็ยังคงต้องพึ่งหนังสือในการรับรู้ข่าวสาร ค้นคว้าความรู้ใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่หลงใหลในการอ่านหนังสืออีกเป็นจำนวนมาก เพราะอัธรสในการอ่านหนังสือนั้นมีบางอย่างที่สื่อดิจิตอลนั้นไม่สามารถสร้างได้ คือ บรรยากาศและอารมณ์ร่วมในการอ่านและสัมผัสผ่านตัวรูปเล่มของหนังสือ รวมทั้งการสะสมหนังสือจากนักเขียนคนดัง ก็ทำให้หนังสือนั้นแปลสภาพเป็นความทรงจำและของที่ระลึก มีคุณค่าต่อความรู้สึกไปได้เลยทีเดียว
เรามักจะพบเห็นร้านขายหนังสืออยู่ทั่วไป แต่สำหรับร้านหนังสือมือสองถือว่ายังมีจำนวนน้อย ทั้งนี้เพราะอาจมองว่าไม่สามารถสร้างรายได้ในจำนวนที่มากนัก แต่จริงๆแล้วการซื้อขายหนังสือมือสองนั้นก็เป็นช่องทางทำมาหากินได้เช่นกันคะ
หนังสือเหล่านี้มาจากไหน?
หนังสือมือสองนั้นแหล่งที่มาก็จะมาจาก นักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไป ที่พอเลื่อนชั้นหรือเรียนจบ หนังสือหรือตำราเรียนต่างๆ คนที่มีญาติพี่น้องก็จะส่งต่อให้กัน แต่สำหรับคนที่ไม่มีญาติพี่น้อง บางคนก็นำไปบริจาค แต่หลายคนก็เลือกที่จะทิ้ง ซึ่งหนังสือที่ส่วนนี้คงจะดีหากมีคนไปบริหารโดยการรับซื้อ แทนที่จะทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ผู้ประกอบการก็ได้นำไปขายต่อ ส่วนเจ้าของหนังสือก็ได้เงินไปแม้จะเป็นจำนวนไม่มากแต่ก็ดีกว่าทิ้งไปโดยไม่ได้อะไรเลย และอีกส่วนก็จะเป็นหนังสือจากกลุ่มคนที่ซื้อหนังสือไปอ่าน ไม่ว่าจะเป็น แมกกาซีนแฟชั่น ตำราอาหาร ข่าว บันเทิง เป็นต้น ซึ่งหนังสือแฟชั่นส่วนใหญ่นั้นจะออกมาบ่อยๆ หลายคนจึงมีเยอะ และเมื่ออ่านเบื่อแล้วก็สามารถนำมาขายต่อได้นั่นเอง
การขายหนังสือมือสองต้องทำอย่างไรบ้าง ?
ก่อนอื่นหนังสือที่เราจะซื้อมาขายต่อนั้น จะต้องตรวจสอบให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่ขาดหลุดลุ่ย ไม่สกปรกเลอะเทอะ คัดเลือกหนังสือแบ่งตามหมวดหมู่ เช่น ตำราเรียน สูตรอาหาร บันเทิง กีฬา ข่าวสาร ท่องเที่ยว แฟชั่น เป็นต้น ถ้าเป็นตำราเรียนก็ควรตรวจดูว่าไม่มีการขีดเขียนจนไม่สามารอ่านได้ ไม่มีการฉีก ดึง หน้าใดๆออก ส่วนหนังสืออื่นๆนอกจากตรวจดูเบื้องต้นแล้วก็ต้องดูตามความเหมาะสม อย่างเช่นแมกกาซีนแฟชั่น จำเป็นต้องดูปีที่วางขายทั้งนี้เพราะแฟชั่นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างเร็วหากวางขายมาเกิน 1-2 ก็ถือว่าตกเทรนด์ไปแล้วเป็นต้น
เมื่อได้หนังสือมาแล้ว ควรนำมาเช็ดฝุ่นให้เรียบร้อย หนังสือจะได้ดูน่าอ่าน น่าซื้อยิ่งขึ้น จัดวางหนังสือให้มีความน่าสนใจ ควรวางแมกกาซีนแฟชั่น หรือบันเทิง วาไรตี้ต่างๆ ไว้ด้านหน้าเพราะหนังสือจำพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีรูปภาพปกที่สวยงามดึงดูดสายตา และคนส่วนใหญ่ก็ชอบมองของสวยๆงามๆ เป็นการสร้างแรงดึงดูดใจได้เป็นอย่างดี
ต่อมาคือการขายในราคาที่เหมาะสม ไม่ขายในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาหนังสือมือหนึ่งจนทำให้เกิดการเปรียบเทียบเรื่องราคา จะทำให้เสียลูกค้าไปได้ ควรแนะนำหนังสือให้ลูกค้าเพราะหนังสือมือสองที่เราขายนั้นอาจมีไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าโดยตรงเสียทีเดียว แต่ถ้าหากเราสามารถแนะนำหนังสือที่ใกล้เคียงให้ลูกค้าได้ ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายได้เช่นกันคะ
การขายหนังสือมือสองนั้น สำหรับคนที่มีใจรักและมีพื้นฐานในการรักการอ่านอยู่แล้วโดยส่วนตัว และเมื่อหันมาขายหนังสือมือสองนั้นก็จะเป็นผู้ที่แนะนำหนังสือที่ดีให้กับลูกค้าได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้จากการสิ่งที่ตนเองรัก แม้จะสร้างรายได้หลักหมื่นหลักแสนต่อวันไม่ได้ในตอนนี้ แต่การได้เริ่มต้นก็มีโอกาสต่อยอดไปได้ในอนาคต
