ขายอะไรดี! “สกินแคร์ เครื่องสำอางญี่ปุ่น” ขายออนไลน์เริ่มต้นยังไง?

ขายเครื่องเครื่องสำอางเกาหลี-ญี่ปุ่น อีกหนึ่งช่องทางในการทำรายได้ เพื่อสร้างอาชีพให้กับตนเอง ไม่ว่าจะอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้เพิ่มเติม โดยในการขายเครื่องสำอางจากญี่ปุ่น ก็มีข้อดีหลายอย่างที่ส่งเสริมให้การทำธุรกิจนี้เป็นอาชีพที่น่าสนใจ วันนี้ทางทีมงาน SMELeader ก็ได้เอาข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการขายเครื่องสำอางจากญี่ปุ่นมาฝาก สำหรับเป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจ

สกินแคร์ เครื่องสำอางญี่ปุ่น อาชีพเสริมแนะนำ

การขายเครื่องสำอางจากญี่ปุ่น เป็นการนำสินค้าที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นจำพวกเครื่องสำอางมาจำหน่าย โดยตลาดนี้ถือว่าเป็นที่น่าสนใจมาก เพราะคนไทยที่ให้ความนิยมในเครื่องสำอางญี่ปุ่นมีจำนวนมากพอสมควร ส่งเสริมให้การทำรายได้จากเครื่องสำอางญี่ปุ่นเหมาะสมในการสร้างเป็นอาชีพ โดยเครื่องสำอางญี่ปุ่นยังสามารถขายเป็นอาชีพเสริมได้ผ่านทางออนไลน์ ไม่ต้องลงทุนในเรื่องของอุปกรณ์การตั้งร้านให้วุ่นวายอีกด้วย

ช่องทางแนะนำสำหรับสกินแคร์ เครื่องสำอางญี่ปุ่น

1.เว็บไซต์

ควรสมัครเว็บฟรีไว้สัก 1-2 เว็บไซต์ เพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์ รองรับการสั่งซื้อจากลูกค้า ประกอบไปด้วยรูปภาพสินค้า รายละเอียดสินค้า และรายละเอียดการสั่งซื้อต่างๆ ให้ชัดเจน เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่ลูกค้าออนไลน์เลือกใช้งานอยู่จำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันมีแพรทฟอร์มร้านค้าออนไลน์ที่ใช้งานง่าย สะดวก ขั้นตอนการสมัครไม่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน บวกกับการเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น การศึกษาทำความเข้าใจการใช้งานระบบค้าขายบนเว็บไซต์จึงไม่ใช่เรื่องยาก

2.Facebook page

ช่องทางกลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์คยอดนิยม เข้าถึงกลุ่มคนได้ง่าย เพราะคนส่วนใหญ่ใช้งาน Facebook เป็นพื้นฐานของการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว Facebook page จึงเป็นช่องทางแนะนำสำหรับการขายของออนไลน์ และถ้าจะให้ได้ผลดีควรวางแผนซื้อแอดโฆษณา Facebook ให้เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.Instagram

อีกหนึ่งช่องทางการขายที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ความนิยมอยู่ในกลุ่มของโซเชียลฯ เช่นเดียวกับ Facebook แต่ช่องทางนี้มีไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี  เพราะ Instagram เป็นแอปพลิเคชั่นเน้นการนำเสนอรูปภาพสวยๆ คนใช้งานมักชอบที่จะดูรูปภาพสวยๆ ทำให้การขายของผ่านช่องทางนี้ ควรเป็นสินค้าที่ถ่ายรูปออกมาสวย เช่น สินค้าแฮนเมด เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นอื่นๆ เป็นต้น

4.Marketplace

ช่องทางนี้แนะนำอย่างมากสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โดยเฉพาะการขายเครื่องสำอางจากญี่ปุ่น เพราะเป็นช่องทางที่ลูกค้าออนไลน์เข้าถึงจำนวนมาก ยกตัวอย่าง Marketplace เช่น Lazada, Shopee, 11Street เป็นต้น เว็บไซต์เหล่านี้ยังมีการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ช่วยกระตุ้นการซื้อของลูกค้า ทำให้เกิดยอดขาย

วิธีการสมัคร Marketplace

1. Lazada คลิกที่นี่ >> https://www.lazada.co.th/sell-on-lazada จะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ได้แก่ สมัครและยื่นเอกสารออนไลน์ >> เปิดใช้งานระบบ Seller Center >> ลงรายการสินค้าและเริ่มขายสินค้าออนไลน์ได้เลย

2. Shopee เปิดเว็บไซต์ขึ้นมาที่ลิงค์นี้ >> https://shopee.co.th แล้วคลิกที่ “สมัครใหม่” ที่มุมขวาบนข้างๆ ปุ่มเข้าสู่ระบบ การสมัคร Shopee เหมือนการสมัครเฟสบุ๊ค เป็นการสมัครเพื่อเป็นผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าใน Shopee เมื่อสมัครเสร็จแล้วสามารถจัดการบริหารร้านค้าได้ด้วยบัญชีผู้ใช้นั้น

3. 11Street คลิกที่นี่ >> https://soffice.11co.th/login.do เมื่อลงทะเบียนแล้วเข้าไปที่หน้า “ลงรายการสินค้า” เพื่อทำการลงขายสินค้าได้เลย

คู่แข่งสำคัญในตลาดเครื่องสำอางญี่ปุ่น

ว่ากันในเรื่องของคู่แข่งในตลาดเครื่องสำอางญี่ปุ่น อันดับแรกที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้นผู้ค้าที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน นั่นก็คือเครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่น แต่คู่แข่งสำคัญกว่ายังมีมากกว่านั้น เพราะเครื่องสำอางญี่ปุ่นแบรนด์ดังหลายแบรนด์มีการนำเข้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะวางจำหน่ายบน Drug Store โดยการขายลักษณะนี้มี “ความน่าเชื่อถือ” เป็นจุดแข็ง ลูกค้าบางส่วนเลือกที่จะเดินเข้า Drug Store เพื่อซื้อเครื่องสำอางญี่ปุ่น เพราะไม่กล้าเสี่ยงกับผู้ค้ารายย่อยหลายๆรายที่นำมาวางขายเอง

แข่งขันกับ Drug Store ควรทำอย่างไร?

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเครื่องสำอางญี่ปุ่นแบรนด์ดังหลายแบรนด์มีจำหน่ายบน Drug Store ซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่า อีกทั้งเรื่องของสต็อกสินค้าที่ไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือนำเข้าสินค้าหรือสั่งสินค้าจากผู้ที่นำเข้าสินค้าเครื่องสำอางญี่ปุ่นโดยตรง จะได้ราคาที่ใกล้เคียงกับที่วางขายในญี่ปุ่น เมื่อนำมาขายก็บวกเพิ่มกำไรไปอีกนิดหน่อยตามความเหมาะสม เอากำไรให้น้อยลงเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย  ไม่ทำให้เกิดความไม่คุ้มค่าในการทำกำไร อย่างไรเสียทุกอย่างยังคงต้องอยู่บนพื้นฐานของการสร้างรายได้ที่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เสียไป แต่หากคำนวณดูแล้วไม่คุ้มทุน แสดงสินค้านั้นไม่เหมาะกับที่จะนำมาจำหน่าย ฉะนั้นการให้ความสำคัญกับสินค้าที่เลือกมาขายก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรทำการเก็บข้อมูลและเลือกรายการสั่งสินค้าให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายก่อนที่จะสั่งนำเข้าสินค้ามาขาย

คำแนะนำเพิ่มเติม 

หากท่านไม่อยากที่จะนำเข้าสินค้าด้วยตนเอง “แฟรนไชส์เครื่องอาง” ก็เป็นอีกช่องทางที่สามารถเริ่มต้นอาชีพได้ ข้อดีของแฟรนไชส์ก็คือเราสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนได้ตามงบประมาณที่ต้องการ สินค้าถูกคัดเลือกมาแล้วโดยระบบแฟรนไชส์ จึงไม่จำเป็นต้องมาเก็บข้อมูลเอง ส่วนข้อควรระวังในระบบแฟรนไชส์ก็คือต้องทำความเข้าใจระบบแฟรนไชส์และเงื่อนไขต่างๆให้ถี่ถ้วน เพราะบางแฟรนไชส์อาจกำหนดยอดขายที่ต้องทำให้ได้ในแต่ละเดือน และหากทำผิดเงื่อนไขเงินที่ลงทุนไปอาจเสียเปล่า

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการขายเครื่องสำอางจากญี่ปุ่น ให้ผู้สนใจได้หยิบเอาไปปรับใช้ตามความเหมาะสม เพื่อการสร้างอาชีพเสริมที่มั่นคงและยั่งยืน
แสดงความคิดเห็น