“ทำขนมขาย”ในออฟฟิศ หารายได้เสริมจากที่ทำงาน

ออฟฟิศหรือสถานที่ทำงาน สามารถกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้เสริมที่ไม่ควรมองข้ามได้ เพียงแค่รู้จักสังเกตความชอบ ความนิยมของเพื่อนร่วมงาน ก็สามารถนำมาสร้างเป็นสินค้าหรือบริการไปเสนอขายพวกเขาได้ สำหรับท่านใดที่มีความสามารถในการทำขนมและอยากจะหารายได้เพิ่มเติมด้วยการทำขนมไปขายออฟฟิศ และอยากจะเริ่มต้นอาชีพนี้ เราได้นำข้อมูลเบื้องต้นมาให้พิจารณาก่อนการลงทุนดังนี้

หลักการเลือกเมนู

  • กำหนดรูปแบบให้ชัดเจน : สร้างความชัดเจนว่าจะขายขนมว่างทานเล่น เช่น เบเกอรี่ ขนมเค้ก คัพเค้ก บราวนี่ คุกกี้ เป็นต้น หรือจะขายขนมไทย ขนมหวาน เช่น ลอดช่อง วุ้นกะทิ วุ้นมะพร้าว เป็นต้น วิธีนี้จะทำให้ง่ายต่อการกำหนดหรือออกแบบเมนูประจำวัน รวมทั้งง่ายต่อการทำการตลาด
  • พร้อมทาน : หมายความว่าเป็นขนมที่สามารถหยิบ/แกะทานได้เลยไม่ต้องมีกรรมวิธีในการกินให้วุ่นวายหรือต้องใส่จานให้เสียเวลา
  • กลิ่นไม่แรง : ส่วนมาแล้วจะเป็นขนมสำหรับทานเล่น บางคนอาจไม่ได้รับประทานในทันทีอาจเก็บไว้กินตอนช่วงบ่ายๆหรือระหว่างนั่งรถกลับบ้านรองท้อง ดังนั้นหากเป็นขนมที่มีกลิ่นแรงอาจส่งกลิ่นรบกวนเพื่อนร่วมออฟฟิศและบางออฟฟิศก็ไม่อนุญาติให้นำของไปกินในห้องทำงาน เป็นต้น
  • ทำง่ายขั้นตอนไม่ยุ่งยาก : เนื่องจากว่าเป็นพนักงานประจำอาจไม่มีว่างพอในการทำขนมที่มีกระบวนการทำที่ใช้เวลานาน หลายขั้นตอน ฉะนั้นให้เลือกเมนูขนมที่สามารถทำเสร็จได้ในเวลาไม่นานจะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป และมีเวลาโพสกัสกับรสชาติได้เต็มที่
  • ไม่เสีย(บูด)เร็ว : ระวังเมนูที่หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจเสียได้ เช่นเมนูที่มี “มะพร้าว” เป็นวัตถุดิบขนมจะเสียได้เร็วถ้านำมาโรยหน้าหรือทำเป็นหน้าของเบเกรี่ ยกตัวอย่าง ขนมเค้กมะพร้าวอ่อน จะเสียเร็วมากเมื่อโดนแดดอยู่ในอุณหภูมิที่สูงหรือทำทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ

กลุ่มลูกค้าหลัก

โดยปกติแล้วเบเกอรี่และขนมทานเล่นเป็นของคู่กันสำหรับผู้หญิง ดังนั้นจึงให้เน้นไปทางกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเป็นหลัก แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอาใจกลุ่มลูกค้าผู้ชายเพราะผู้ชายบางคนก็ชอบทานขนมเช่นกัน ลองเก็บข้อมูลเมนูขนมที่ผู้ชายในออฟฟิศมักจะสั่งหรือซื้อมารับประทานและนำมาเป็นหนึ่งในเมนูแนะนำประจำวันเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าผู้ชายดูบ้าง เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจ

หลักการตั้งราคา

  • เบเกอรี่ – ขนมทานเล่น ราคาควรอยู่ที่ 20 – 35 บาท
  • ขนมไทย – ขนมหวาน ราคาควรอยู่ที่ 20 – 30 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาเบื้องต้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)

หลักการเลือกแพคเกจจิ้ง

  • เบเกอรี่หรือขนมทานเล่น ควรเลือกใช้กล่องกระดาษหรือห่อเน้นสีโทนเย็น สีพาสเทล หรือกล่องน่ารักๆ โดยส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าขนมเบเกอรี่จะเป็นผู้หญิง ดังนั้นแพคเกจจิ้งควรสื่อถึงความเป็นผู้หญิง หรือใครที่ชอบความเรียบๆแต่ดูแพง ก็ให้เน้นสีพื้น
  • เลือกกล่อง/ขวด/ห่อ ให้สามารถมองเห็นขนมขนมด้านใน เป็นการกระตุ้นให้เกิดความอยากรับประทาน ง่ายต่อการจัดส่งให้ลูกค้า
  • แพคเกจจิ้งควรเปิดและปิดได้เพื่อนำมารับประทานต่อในภายหลังได้  มีขนาดกระทัดรัดในการเคลื่อนย้ายมาจำหน่ายที่สำนักงาน

หลักการทำตลาด

  • เริ่มต้นด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านบุคคลรอบตัวและเดินจดออเดอร์จากลูกค้าในออฟฟิศ พร้อมแจ้งช่องทางการติดต่อในครั้งถัดไป
  • ประชาสัมพันธ์ผ่าน Line Group หรือใน Facebook (หากมีกลุ่มอยู่แล้ว อาจจะขออนุญาติผู้ดูแลกลุ่มในการโปรโมท)
  • ทำแผ่บพับหรือใบเมนูขนมไปติดตรงบอร์ดประชาสัมพันธ์ของแต่ละออฟฟิศ โดยติดต่อผ่านนิติของอาคารนั้นๆ (หากมีบอร์ดประชาสัมพันธ์ทั่วไปในแต่ละแผนกก็สามารถนำไปติดประกาศเพิ่มเติมได้)
  • ให้ชิม นำขนมที่มั่นใจว่าทำอร่อยที่สุดมาให้คนอื่นๆในออฟฟิศได้ลองชิม วิธีนี้จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นหากมีรสชาติที่ถูกปาก พวกเขาจะได้รู้สึกไม่เสียดายเงินที่ซื้อไป
  • ลดราคาจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ทำระบบสะสมแต้มครบรับฟรี หรือซื้อขนม 5 ชิ้นแถมฟรี 1 ชิ้น เป็นต้น

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • “รสชาติ” คือหัวใจสำคัญฝึกฝนทุกเมนูที่ตัดสินใจจะทำให้ชำนาญและมีรสชาติที่คงที่ พร้อมกับทดลองให้คนอื่นๆได้ลองชิมก่อนทำมาขาย
  • เสริมความเฮลท์ตี้ ยุคนี้ไม่ว่าอาหารหรือขนมก็ปรับตัวให้เข้าถึงหรือให้รู้สึกว่ามีผลเสียต่อสุขภาพน้อยลง เช่น มีสูตรหวานน้อย สูตร Low Fat เป็นต้น
  • ทำสดใหม่ ควรทำขนมแบบวันต่อวัน เนื่องจากโดยส่วนใหญ่จะรู้จำนวนออเดอร์ต่อวันอยู่แล้วเพราะได้รับออเดอร์ล่วงหน้า อาจทำเผื่อบ้างเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ได้สั่งแต่นึกอยากกินขึ้นมาทีหลัง ไม่ควรทำไว้เยอะเกินไปเพราะจะทำให้ควบคุมต้นทุนไม่ได้และถ้าขนมเหลือหรือขายไม่หมดจะทำให้ขาดทุน
  • ปรับเปลี่ยนเมนู ควรปรับเปลี่ยนเมนูประจำวันในทุกๆเดือน เป็นปกติของทุกสินค้าเพราะผู้บริโภคที่บริโภคซ้ำๆอาจเกิดความเบื่อหน่าย
  • มีใจรักการทำขนมและงานบริการ สำรวจตัวเองให้แน่ใจว่าชอบที่จะทำขนม เพราะความชอบจะทำให้เราเพลินเพลินเวลาทำจนลืมเหนื่อย อย่าลืมว่าทำงานมาก็เหนื่อยพอแล้ว หากต้องมาฝืนทำขนมเพียงเพราะอยากหาเงินเพิ่ม ขนมที่ไม่ได้ออกมาจากความตั้งใจก็จะออกมาแบบลวกๆเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น