รวม”วิธีเลี้ยงไก่” ธุรกิจสร้างเงินแสนให้แก่เกษตรกร

รวมสูตรอาชีพ “วิธีเลี้ยงไก่”,  วิธีเลี้ยงไก่ไข่,  วิธีเลี้ยงไก่เนื้อ  โดยได้ทำการเลือกวิธีการเลี้ยงไก่ พร้อมเริ่มต้นอาชีพเลี้ยงไก่ขาย เริ่มธุรกิจขายไก่ได้ทันที เหมาะสำหรับผู้สนใจอาชีพเสริม, สร้างอาชีพและอาชีพอิสระ

หากคุณมีสูตรอาชีพ “วิธีเลี้ยงไก่” ต้องการแบ่งปันและโปรโมทร้านคุณ โปรดติดต่อ smeleader.thailand@gmail.com

1. ชื่ออาชีพเสริมเลี้ยงไก่ : วิธีการเลี้ยงไก่ไข่

อุปกรณ์/เครื่องมือเบื้องต้น :

  • แม่พันธุ์ไก่
  • พื้นที่เลี้ยงไก่ไข่ 5-10 ตารางเมตร (ต่อไก่ประมาณ 20 ตัว)
  • อาหารไก่
  • ยารักษาโรค

วิธีการเลี้ยงไก่ไข่ :

  1. เริ่มต้นด้วยการเลี้ยงลูกไก่อายุ 1 วัน เป็นวิธีที่มีผู้เลี้ยงนิยมกันมากเนื่องจากทุนน้อย ผู้เลี้ยงสามารถเลี้ยงไก่ได้ตลอดเวลาด้วยตัวเอง สามารถที่จะดูแลเอาใจใส่ได้อย่างเต็มที่ ได้รู้ประวัติของไก่ทั้งฝูงตลอดเวลาจึงทำให้ได้ฝึกฝนการเลี้ยงไก่และมีความมั่นใจในการเลี้ยงไก่มากขึ้น แต่การเลี้ยงแบบนี้ต้องใช้เวลานานกว่าไก่จะให้ไข่ เพราะต้องเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเป็นงานที่ยุ่งยากและใช้ความชำนาญค่อนข้างสูงอีกทั้งยังต้องเสี่ยงต่อการตายของไก่ในระยะแรกๆ และจะต้องรอไปอีกเป็นเวลาอย่างน้อยถึง 22 สัปดาห์ ไก่จึงจะเริ่มให้ไข่
  2. เริ่มต้นด้วยการเลี้ยงไก่รุ่นอายุ 2 เดือน เป็นวิธีที่นิยมกันในปัจจุบัน โดยการที่ผู้เลี้ยงซื้อไก่รุ่นอายุ 6 สัปดาห์ – 2 เดือน มาจากฟาร์มหรือบริษัทที่รับเลี้ยงลูกไก่ เนื่องจากลูกไก่ในระยะนี้ราคายังไม่แพงมากนักและสามารถตัดปัญหาในเรื่องการเลี้ยงดูลูกไก่และการกกลูกไก่ การเลี้ยงไก่รุ่นอายุ 2 เดือนนี้ มักจะให้อาหารที่มีคุณภาพค่อนข้างต่ำ ราคาถูก การเลี้ยงดูก็ไม่ต้องใช้ความชำนาญมากนัก ผู้ที่เริ่มต้นเลี้ยงไก่เป็นครั้งแรก จึงสมควรเริ่มเลี้ยงด้วยวิธีนี้
  3. เริ่มต้นด้วยการเลี้ยงไก่สาว เป็นวิธีที่ผู้เลี้ยงไก่เป็นอาชีพหรือเพื่อการค้านิยมกันมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดูไก่เล็กหรือไก่รุ่น นอกจากนี้โรงเรือนก็สร้างไว้เฉพาะกับไก่ไข่เท่านั้นแต่การเลี้ยงไก่วิธีนี้ต้องลงทุนสูง ผู้เลี้ยงจะต้องรู้จักฟาร์มที่ผลิตไก่สาวเป็นอย่างดี ต้องสอบถามถึงประวัติของฝูงไก่สาวที่นำมาเลี้ยงเสมอ เพราะช่วงที่ไก่ยังเป็นลูกไก่และไก่รุ่นผู้เลี้ยงไม่สามารถรู้ประวัติของฝูงไก่สาวที่จะนำมาเลี้ยงได้ การเลี้ยงดูไก่เล็ก การเลี้ยงดูไก่เล็ก (อายุ 1 วัน-16 สัปดาห์) การเลี้ยงไก่ในระยะนี้เป็นระยะที่มีความสำคัญมาก ต้องดูแลและเอาใจใส่อย่างมาก เพื่อให้ลูกไก่มีสุขภาพดี สมบูรณ์แข็งแรง และอัตราการเลี้ยงรอดสูง

ขอขอบคุณวิธีการเลี้ยงไก่ไข่จาก manziii01.wordpress.com

2. ชื่ออาชีพเสริม : วิธีการเลี้ยงไก่ไข่

อุปกรณ์/เครื่องมือเบื้องต้น :

  • แม่พันธุ์ไก่
  • พื้นที่เลี้ยงไก่ไข่ 5-10 ตารางเมตร (ต่อไก่ประมาณ 20 ตัว)
  • อาหารไก่
  • ยารักษาโรค

วิธีการเลี้ยงไก่ไข่ :

  1. การเลี้ยงดูไก่ไข่ (อายุ 21-72 สัปดาห์) ไก่ไข่ระยะนี้เป็นช่วงให้ผลผลิต ถ้าการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องไก่จะเริ่มให้ไข่อายุ 20-21 สัปดาห์ เมื่อไก่เริ่มไข่ ประมาณ 5% ของฝูง ควรเปลี่ยนอาหารจากไก่ไข่สาวเป็นไก่ไข่ ควรมีโปรตีน 16% อาหารต้องเพียงพอกับความต้องการและการให้ผลผลิตของไก่ ไก่ระยะนี้ต้องการแคลเซียมมาก ประมาณ 4.6 กรัม/ตัวซึ่งให้ในอาหารหรือให้แคลเซียม ความต้องการแคลเซียมจะขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์การไข่เป็นสำคัญถ้าเปอร์เซ็นต์การไข่สูงความต้องการแคลเซียมมาก ถ้าเปอร์เซ็นต์การไข่ต่ำต้องการแคลเซียมต่ำเช่นกัน
  2. ไก่ไข่จะให้ผลผลิตสูงสุดในช่วงอายุ 25-30 สัปดาห์ และจะค่อยๆ ลดลงอย่างช้า ในกรณีเลี้ยงแบบกรงตับต้องจดบันทึกการไข่ทุกวัน หรือถ้าเลี้ยงแบบปล่อยฝูงก็ต้องจดบันทึกจำนวนไข่ทุกวัน เพื่อคิดเปอร์เซ็นต์การไข่ ควรเก็บไข่อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง เพื่อป้องกันการเสียหาย การให้ผลผลิตโดยทั่วไปจะให้ไข่ประมาณ 52 -60 สัปดาห์ การปลดไก่ออก ส่วนใหญ่จะทำเมื่อไก่ให้ผลผลิตไม่คุ้มทุน เช่น ให้ผลผลิตต่ำกว่า 60% ของฝูง
  3. หลังจากไก่เริ่มไขแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น ความถี่ในการให้ผลผลิตไข่ ขนาดไข่ ขนาดตัวไก่ และประสิทธิภาพในการให้ผลผลิต ในการให้ไข่ของแม่ไก่ในรอบ 1 ปี แบ่งเป็น 3 ระยะ
  4. ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ไก่ให้ไข่สูงสุด ความถี่การให้ไข่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากฝูงไก่เริ่มไข่ได้ 5 %จนกระทั่งผลผลิตไข่เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อไก่ไข่ไปได้ประมาณ 2-3 เดือน ในระยะนี้ไก่มีการเจริญเติบโตและขนาดของไข่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเปลี่ยนไปตามสภาพการจัดการ การไข่ในระยะ นี้สิ้นสุดเมื่อไก่ อายุได้ประมาณ 10 เดือนครึ่ง หรือไข่ได้ประมาณ 5 เดือน
  5. ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ไก่ไข่ได้ 5 เดือนไปจนถึงไข่ได้ 10 เดือน หรือเมื่อไก่ได้อายุ 15 เดือนครึ่ง เป็นระยะที่ไข่ร่างกาย ขนาดไม่โตอีกแล้ว และไก่หยุดการเจริญเติบโตแต่อาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นบ้างจากการสะสมของไขมันเป็นระยะที่ผลผลิตเริ่มลดลง
  6. ระยะที่ 3 เป็นระยะสุดท้ายของการไข่ก่อนที่จะหยุดไข่ ระยะนี้เริ่มตั้งแต่ไก่ไข่ได้ 10 เดือนจนกระทั่งไก่ผลัดขน ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน การให้ผลผลิตลดลงจนกระทั่งไก่หยุดไข่เพื่อผลัดขน แต่ขนาดของไข่ไม่ได้ลดลง หลังจากผลัดขนแล้วแม่ไก่จะเริ่มให้ไข่อีก การไข่ของแม่ไก่ในรอบปีที่ 2 และปีถัดๆไปจะเหมือนกับการไข่ในปีแรก แต่ผลผลิตไข่สูงสุดนั้นจะต่ำกว่าปีแรก ระยะเวลาในการไข่สั้นกว่ารอบปีแรกประมาณ 20 %ไข่ที่ได้ในรอบปีที่ 2 จะมีขนาดใหญ่กว่าปีแรก แต่เปลือกบางกว่า

ขอขอบคุณวิธีการเลี้ยงไก่ไข่จาก sites.google.com

3. ชื่ออาชีพเสริม : วิธีการเลี้ยงไก่ไข่

อุปกรณ์/เครื่องมือเบื้องต้น :

  • แม่พันธุ์ไก่
  • พื้นที่เลี้ยงไก่ไข่ 5-10 ตารางเมตร (ต่อไก่ประมาณ 20 ตัว)
  • อาหารไก่
  • ยารักษาโรค

วิธีการเลี้ยงไก่ไข่ :

  1. ใช้พื้นที่เลี้ยง 5 – 6 ตัวต่อตารางเมตร ไก่เริ่มเป็นสาวเมื่ออายุ 15 สัปดาห์
  2. ใช้อาหารไก่ไข่ระยะไก่สาว โปรตีน 12-13 เปอร์เซ็นต์
  3. ควบคุมอาหารให้ไก่สาวกินตามมาตรฐาน สุ่มชั่งน้ำหนักปรับลดอาหาร
  4. คัดไก่ป่วยไก่แสดงอาการผิดปรกติ แคระแกรนออก
  5. ทำความสะอาดและกลับแกลบหรือวัสดุรองพื้นเสมอ ๆ เมื่อพื้นเปียกแฉะ การรักษาพื้นคอกให้แห้งเสมอเป็นการป้องกันโรคไก่ไม่ให้เกิดโรค ได้รับแสงสว่างไม่เกิน 12 ชั่วโมง
  6. ไก่จะเริ่มมีไข่เมื่ออายุ 150 – 180 วันเมื่อไก่เริ่มให้ไข่จะต้องเปลี่ยนสูตรอาหารใหม่ที่มีโภชนะและแคลเซี่ยมสูงขึ้นเพื่อนำไปสร้างไข่เปลือกไข่
  7. จำนวนอาหารที่ไก่กินจะเพิ่มขึ้นอยู่กับอัตราการให้ไข่ของแม่ไก่ ให้ไข่มากก็ให้อาหารมาก 100-120 กรัม / ตัว / วัน ให้ไข่น้อยอาหารก็ลดลงตามส่วน ตามมาตรฐานการให้ไข่ของไก่แต่ละพันธุ์

ขอขอบคุณวิธีการเลี้ยงไก่ไข่จาก กรมปศุสัตว์

4. ชื่ออาชีพเสริมไก่เนื้อ : วิธีเลี้ยงไก่เนื้อ

อุปกรณ์/เครื่องมือเบื้องต้น :

  • การเตรียมโรงเรือนและอุปกรณ์ ขนาดโรงเรือน 10 * 104 เมตร
  • โรงเรือนเก็บอาหาร ยา และอุปกรณ์การเลี้ยง
  • อาคารอาบน้ำสำหรับบุคคลที่จะเข้าฟาร์ม
  • โรงเรือนสเปรย์ยาฆ่าเชื้อรถยนต์ภายนอกฟาร์ม
  • โรงเก็บวัสดุรองพื้น
  • ระบบน้ำภายในฟาร์ม

วิธีการเลี้ยงไก่เนื้อ :

  1. ภายในโรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อนั้นควรจะสร้างให้มีความกว้าง 10 เมตร และยาวประมาณ 104 เมตร ภายในนั้นแบ่งเป็นล๊อกขนาด 200 ตารางเมตร และมีที่เก็บอาหารประจำโรงขนาด 40 ตารางเมตร และมีอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการเลี้ยงพร้อมโรงเรือนและอุปกรณ์ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยยาฆ่าเชื้อก่อน ต่อมาจะทำการปูด้วยวัสดุรองพื้น และจัดอุปกรณ์เข้าโรงเรือน จากนั้นใช้ยาฆ่าเชื้อฉีดพ่นเป็นฝอยอีกครั้ง
  2. การนำลูกไก่เข้าเลี้ยงและการเลี้ยงดู ก่อนนำลูกไก่เข้าเลี้ยงจะต้องตรวจความพร้อมอีกครั้ง และนำลูกไก่ลงปล่อย ปกติพื้นที่ 1 ล๊อกขนาด 200 ตารางเมตร จะปล่อยลูกไก่ 1600-2000ตัว
  3. การให้น้ำและอาหาร เป็นงานปกติที่ต้องทำประจำวัน ไก่เนื้อควรให้อาหารบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ไก่กินอาหารได้มากขึ้น การใช้ถังอาหารแบบแขวน ควรเข้าไปเขย่าบ่อยๆ เช่นกัน สำหรับน้ำควรมีให้กินตลอดเวลา และควรล้างภาชนะให้น้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  4. การให้แสงสว่างสำหรับไก่เนื้อ ไก่เนื้อต้องการแสงสว่างเพื่อให้สามารถกินอาหารได้ตลอดวันและตลอดคืน ดังนั้นจึงต้องให้แสงสว่างอย่างเพียงพอ
  5. การกกไก่เนื้อ เป็นการจัดการที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง จำเป็นเพื่อให้ลูกไก่ค่อย ๆ ปรับตัวกับสภาพแวดล้อม
  6. การให้วัคซีน ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรค นิวคลาสเซิล ฝีดาษ และ หลอดลมอักเสบ ซึ่งจะให้ตามโปรแกรมวัคซีนสำหรับไก่เนื้อ
  7. การจับไก่เพื่อจำหน่าย เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเลี้ยงไก่เนื้อการจับไก่จำหน่ายควรทำช่วงอากาศเย็นหรือช่วงเวลากลางคืน

วิธีการควบคุมโรคในไก่เนื้อ :

  1. การจัดการโดยใช้หลักการ
  2. Isolation การเลือกพื้นที่ห่างจากชุมชน
  3. Protection การป้องกันพาหะนำโรค
  4. All -in all-out system
  5. Idle period การพักเล้า
  6. Sanitation การสุขาภิบาล ได้แก่ การล้าง การฆ่าเชื้อ การเข้าเล้าต้องจุมเท้าก่อน หรือการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้าเล้า และการฆ่าเชื้อภายนอก
  7. Health Promotion ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมให้ดี เช่น การระบายอากาศ การกก น้ำและอาหาร
  8. การทำวัคซีน (vaccination program)
  9. การกำจัดโรค( disease elimination)
  10. คัดเลือกลูกไก่ที่นำมาเลี้ยงควรปราศจากเชื้อ
  11. ป้องกันความเครียดต่าง ๆ
  12. รีบให้การรักษา
  13. คัดไก่ป่วยออก ทำลายซากไก่ที่ตาย

ขอขอบคุณวิธีเลี้ยงไก่เนื้อจาก supakorns24.wordpress.com

5. ชื่ออาชีพเสริม : วิธีเลี้ยงไก่เนื้อ

อุปกรณ์/เครื่องมือเบื้องต้น :

  • ลูกไก่
  • พื้นที่เลี้ยงไก่ไข่ 5-10 ตารางเมตร (ต่อไก่ประมาณ 20 ตัว)
  • อาหารไก่
  • ยารักษาโรค

วิธีการเลี้ยงดูลูกไก่ระยะแรก :

  1. การเลี้ยงไก่ในระยะกกผู้เลี้ยงจะต้องดูแลเอาใจใส่ลูกไก่อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการกก การให้อาหารลูกไก่ระยะกก ควรให้ครั้งละน้อย ๆ เพื่อให้ลูกไก่กินหมดภายในระยะเวลา 1 – 2 ชม. ซึ่งการให้น้อย ๆ แต่บ่อยครั้งเช่นนี้จะทำให้ลูกไก่มีความ กระตือรือร้นในการแย่งกันกินอาหารมากขึ้น และได้กินอาหารใหม่ ๆ อยู่ตลอด ซึ่งการให้ครั้งละมาก ๆ อาหารจะถูกลูกไก่คุ้ยเขี่ยและเหยียบย่ำ และมีอุจจาระ หรือแกลบ ปะปนอยู่ ลูกไก่จะเบื่ออาหารทำให้เจริญเติบโตไม่ดี ความแข็งแรงสมบูรณ์ต่ำลง
  2. น้ำที่จัดให้สำหรับไก่ดื่มต้องสะอาดปราศจากเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อไก่ทั้งทางตรงและทางอ้อม และมีจำนวนเพียงพอกับความต้องการของไก่
  3. อุปกรณ์ใส่อาหาร – ใส่น้ำ เมื่อไก่อายุการเลี้ยงมากขึ้นความต้องการอาหารและน้ำย่อมากขึ้น อุปกรณ์ที่ใส่น้ำ และใส่อาหารจำเป็นต้องจัดให้เพียงพอต่อความ ต้องการของไก่และใช้ภาชนะใส่น้ำและอาหารให้เหมาะสมกับอายุของไก่โดยปรับระดับภาชนะตามความสูงของไก่ เพื่อลดการคุ้ยเขี่ยตกหล่นและการเปียกชื้นบริเวณที่ตั้งน้ำ ซึ่งอุปกรณ์ใส่น้ำ ก็ต้องล้างให้สะอาดทุกวัน
  4. การขยายพื้นที่ จำเป็นต้องขยายพื้นที่กกให้กว้างขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ของลูกไก่ การขยายพื้นที่นั้นจะต้องกระทำทุก 3 วัน โดยขนาดแผงล้อมกก ออกครั้งละประมาณ 3 – 5 นิ้ว เป็นรัศมีโดยรอบ
  5. การเปิดผ้าม่าน ผ้าม่านที่ปิดไว้รอบ ๆ โรงเรือนจะต้องเปิดออกเมื่ออากาศภายในโรงเรือนร้อน และกกที่ใช้กกลูกไก่ร้อน โดยค่อย ๆ เปิดออก การเปิดจะเปิดด้าน บนลงสู่ด้านล่าง เพื่อป้องกันมิให้ลมพัดกระทบตัวไก่โดยตรง
  6. การปรับความร้อนเครื่องกกให้เหมาะสม เมื่อไก่โตขึ้นการสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายของตัวเองมีมากขึ้น ฉะนั้นเครื่องกกที่ให้ความอบอุ่นก็จะมีความจำเป็น น้อยลงตามลำดับ เพื่อให้ลูกไก่ได้รับความอบอุ่นอย่างเหมาะสม ซึ่งลูกไก่ที่ได้รับความร้อน ความอบอุ่นที่เหมาะสม ลูกไก่จะนอนกระจายเรียงรายภายใต้กก บางตัวนอนยืดคอ พาดไปตามพื้นอย่างสบายและมีความกระปรี้กระเปร่าในการกินน้ำ กินอาหาร ถ้าความร้อนสูงเกินไป ลูกไก่จะหนีห่างจากเครื่องกกไปอยู่รอบ ๆ แผงล้อมกก ส่งเสียงร้องดังอยู่ ตลอดเวลาและถ้าความร้อนมากเกินไปเป็นระยะเวลานาน ๆ ลูกไก่จะแสดงอาการโผเผ ไม่กระปรี้กระเปร่า เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไปบางตัวปีกตกขนไม่เรียบร้อย ลักษณะของอุจจาระแห้งมากกว่าปกติด้วย แต่ถ้าความอบอุ่นไม่เพียงพอ ลูกไก่จะเบียดเสียดยัดเยียดกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ใต้เครื่องกก เพื่อให้ได้ความอบอุ่นจนมีการสุ่มทับ กันตาย หากขาดความอบอุ่นเป็นระยะเวลานานลักษณะของลูกไก่ที่ได้รับความอบอุ่นไม่เพียงพอจะมีลักษณะ ยืนตัวสั่น, ปีกตก, อุจจาระติดกัน, ท้องเสีย และลักษณะของ อุจจาระจะเปียบมากกว่าปกติ ดังนั้น การปรับความร้อนเพื่อใช้ในการกกจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อการเลี้ยงลูกไก่ ซึ่งในทางปฏิบัติการปรับความร้อนให้พอเหมาะกับความต้องการของลูกไก่ที่จะ ได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอ จะทำควบคู่กันไปกับการขยายพื้นที่กกโดยยกเครื่องกกได้สูงขึ้น 1 นิ้ว ทุก 3 วัน กระทำเช่นนี้จนกว่าจะพ้นระยะการกก

วิธีการสังเกตการเลี้ยงไก่เนื้อ :

  1. หลังจากให้อาหารแต่ละมื้อควรสังเกตลูกไก่ ภายในกกทุกตัวว่าเป็นอย่างไรโดยทั่วไปลูกไก่ที่สุขภาพแข็งแรง หลังจากให้อาหารความสนใจของลูกไก่จะอยู่ที่อาหาร แย่งกันกินอาหารอย่างเพลิดเพลินทุกตัว หากการให้อาหารมื้อใด ลูกไก่บางตัวหรือส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจอาหารที่ให้ใหม่ แสดงถึงความผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกไก่ฝูงดังกล่าวต้องรีบ ค้นหาสาเหตุ และรีบแก้ไขทันที
  2. สังเกตุการกินน้ำ โดยทั่ว ๆ ไปการกินน้ำของไก่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นตามลำดับ ยกเว้นสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน เช่น หนาว หรือร้อน ผิดปกติ การกินน้ำ จะน้อยหรือมากตามสภาวะกาลนั้น ๆ หากพบว่าสภาพอากาศปกติ แต่การกินน้ำของไก่ลดลง ลูกไก่ไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของลูกไก่ที่จะแสดง อาการป่วยให้เห็นใน วัน เวลา ถัดมา เมื่อสังเกตุพบการกินน้ำน้อยลงผิดปกติ จึงควรรีบแก้ไขก่อนจะเกิดผลเสียหาย
  3. การสังเกตุทั่ว ๆ ไป เช่น สภาพกกร้อนเกินไป, หนาวเกินไป, จำนวนไก่แน่นเกินไป, จำนวนที่ใส่น้ำ, ใส่อาหารเพียงพอ หรือไม่, ลักษณะของอุจจาระ, วัสดุรองพื้น ชื้นเกินไป แห้งเกินไปหรือไม่ หากพบปัญหาใดก็ตามที่เกิดขึ้นต้องรีบแก้ไขทันทีทันใด เพื่อลดสภาวะเครียดของลูกไก่ได้ทันท่วงที จะได้ไม่ก่อให้เกิดความเสีย
  4. การจดบันทึก การเลี้ยงไก่จะประสบผลสำเร็จ มากน้อยเพียงใดต้องอาศัยการจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิโรงเรือน, ปริมาณอาหารที่ใช้ทั้งหมดในการเลี้ยง, น้ำหนักตัว, การทำวัคซีน, ประวัติการเจ็บป่วย เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่มีการบันทึกไว้อย่างละเอียดในระหว่างการเลี้ยงจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เมื่อสิ้นสุดการเลี้ยงแล้วนำข้อมูล เหล่านั้นมาวิเคราะห์ เพื่อหาทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องอันที่สามารถเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้า

ขอขอบคุณวิธีเลี้ยงไก่เนื้อจาก ku.ac.th

หากคุณมีสูตรอาชีพ “วิธีเลี้ยงไก่” ต้องการแบ่งปันและโปรโมทร้านคุณ โปรดติดต่อ smeleader.thailand@gmail.com
แสดงความคิดเห็น