ศูนย์กลางซื้อมาขายไป
ศูนย์กลางซื้อมาขายไป

“ปรีดิยาธร” แนะไทยศูนย์กลางซื้อมาขายไป

ศูนย์กลางซื้อมาขายไป
ศูนย์กลางซื้อมาขายไป

“ปรีดิยาธร” แนะไทยศูนย์กลางซื้อมาขายไป เพราะไทยเป็นแชมเปี้ยนด้านการค้าขายอาหารสินค้าอุปโภคและบริโภค

สมาคมคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ (ประเทศไทย) ได้เชิญม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาบรรยายเรื่องความคืบหน้าการดำเนินงานของ คสช. และแผนงานที่จะทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ในงานสัมมนาที่มีชื่อว่า “กระจกส่องเงาของประเทศไทย” ซึ่งมีทูตานุทูต คณะกงสุล ผู้นำภาคธุรกิจชาวต่างประเทศและไทย อีกทั้งสื่อมวลชนสากลและไทย ร่วมฟังกว่า 200 คน

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าคสช.ได้กำชับและกำกับการทำงานของคณะทำงานต่างๆ ในการปฏิรูปทุกระบบ เพื่อการพัฒนาที่โปร่งใส รวดเร็ว นำมาสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของชาติ โดยจะจัดการทุกองค์ประกอบให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเติบโตค่อนข้างน้อย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัว 2.6% ต่อปี ซึ่งไทยจะทำอย่างไรให้จีดีพีของไทยโต 5- 6%ได้ ดังนั้น ต้องส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของอาเซียน และเป็นศูนย์กลางประเทศที่ซื้อมาขายไป (Trading Nation) โดยใช้ประโยชน์จากการที่ไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังจะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 เป็นตัวเชื่อม เน้น 3 เรื่องหลักที่สำคัญคือ

1. การสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยให้ใช้ถนนเป็นหลัก แทนการขนส่งด้วยรถไฟรางคู่ เนื่องจากภูมิประเทศของไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางของอาเซียนรวมทั้งประเทศจีน สามารถเชื่อมเรื่องการขนส่งและการลงทุนในอาเซียนได้ พร้อมทั้งการลงทุนในโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ที่จังหวัดสตูล หากสำเร็จจะช่วยสนับสนุนการส่งสินค้าสำหรับประเทศในแถบอันดามัน

2.การส่งเสริมให้เอกชนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นโดยต้องมีการแก้ไขกฎหมายภาษี โดยเฉพาะการเก็บภาษีกำไรจากการที่เอกชนไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ทำให้นักลงทุนไทย ไม่อยากจะนำกำไรกลับเข้ามาในไทย รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ตั้งสำนักงานบีโอไอในกัมพูชาและพม่า เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการค้าชายแดนมากขึ้น 3.สนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานตัวแทนในไทย เป็นตัวกลางในการกระจายการลงทุนและการค้าในไทยมากขึ้น

“ปัจจุบันหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ชาติตะวันตก กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศที่ซื้อมาขายไป ซึ่งไทยควรกำหนดทิศทางของตนเอง โดยเชื่อว่า ซื้อมาขายไป เหมาะสมกับไทย เพราะไทยเป็นแชมเปี้ยนด้านการค้าขายอาหารสินค้าอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ” ม.ร.ว. ปรีดิยาธร กล่าว.

ขอบคุณข้อมูลจาก  กรุงเทพธุรกิจ

แสดงความคิดเห็น