อยากขายของ รับหิ้วสินค้า เริ่มต้นอย่างไร อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

อยากขายของ “รับหิ้วสินค้า” เริ่มต้นอย่างไร? อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

อยากขายของ รับหิ้วสินค้า เริ่มต้นอย่างไร อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

อยากขายของ “รับหิ้วสินค้า” เริ่มต้นอย่างไร?
อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

วันนี้จะขอกล่าวถึงหนึ่งอาชีพเสริมที่หากทำกันจริงจัง อาจสร้างรายได้ให้คุณได้มากกว่าอาชีพหลักเลยก็เป็นได้ นั่นคือ “รับหิ้วสินค้า” รับหิ้วสินค้าในที่นี่ถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็เหมือนกับการฝากซื้อสินค้า แล้วนำมาส่งต่อให้ ลักษณะของการซื้อเสร็จแล้วหิ้วถือถุงกลับมานั้น จึงกลายเป็นที่มาของคำที่เค้าเรียกกันว่า “รับหิ้วสินค้า” อาชีพที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพียงแค่เราเปิดเข้าไปในสื่อโซเชียลแล้วลองดูในคอมเม้นท์ของพวกสินค้าลดราคาก็จะพบกับคอมเม้นท์ที่ว่า “รับหิ้วค้า ไปช็อปพรุ่งนี้ สนใจอินบ็อกซ์มาได้เลยค่ะ” หรือบางคนถึงขั้นสร้างเพจสำหรับหิ้วสินค้าลดราคา สินค้าโปรโมชั่น กันเลยทีเดียว

ความน่าสนใจของอาชีพนี้อยู่ที่รายได้ที่ไม่ใช่แค่หลักพัน แต่อาจสร้างรายได้อันน่าเหลือเชื่อ แล้วถ้าอยากจะรับหิ้วสินค้าบ้างล่ะ? จะสร้างตัวตนและเริ่มต้นอย่างไรดี?

อาชีพนี้ใช่สำหรับเราหรือไม่?

  1. มีใจรักงานบริการ : การรับหิ้วสินค้าแม้จะทำเงินในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็มีความยุ่งยากวุ่นวายอยู่พอสมควรเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องไปแย่งเข้าคิวต่อแถวรอของเซล ต้องคอยตอบแชทกับลูกค้า นัดรับ-ส่งสินค้า เป็นต้น ดังนั้นจะต้องเป็นคนที่มีความชอบในการบริการ
  2. มีความละเอียดรอบคอบ : ทุกครั้งที่รับหิ้วสินค้าจะต้องจดจำยี่ห้อสินค้า รุ่นของสินค้า และยอดการสั่งซื้อ ยอดการโอนเงิน จะต้องรอบคอบตรวจสอบอย่างแม่นยำ เพราะถ้าหากผิดพลาดนั่นหมายถึงต้องเสียเงินตัวเองซื้อให้ลูกค้าใหม่ฟรีๆ จะต้องจัดระบบตัวเองให้ดี มีสติอยู่ตลอดเวลา
  3. มีความอดทน : การจะเป็นนักรับหิ้วสินค้านั้นใช่ว่าจะสบาย ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก คุณอาจต้องมารอซื้อสินค้าตั้งแต่ห้างยังไม่เปิดยันห้างปิด หรืออาจต้องวิ่งไปยังหลายสถานที่ในวันๆเดียวเพื่อไปให้ทันสินค้าลดราคา ต้องอดทนกับความร้อน เบียดเสียด แก่งแย่ง ทำสงครามระหว่างผู้ท้าชิงของเซลก็เป็นได้
  4. มีความแข็งแกร่ง : ถึกและบึกบึน (อันนี้เรื่องจริง แต่สาวๆอย่างเราเรื่องช็อปปิ้งแล้ว เราสู้ตายอย่างแน่นอน!!) คุณอาจจะหอบหิ้ว แบกสินค้ากลับบ้านคราวละมากๆ ยังไม่รวมการแพ็คของ ส่งของอีก จะทำงานนี้ได้ร่างกายก็ต้องแข็งแรงพอสมควร
  5. บริหารเวลาเป็น : หากทำเป็นอาชีพเสริมก็คงไม่ใช่เรื่องยากใช้เวลาช่วงวันหยุดก็สามารถรับงานได้สบายๆ แต่สำหรับคนที่ทำเป็นอาชีพหลักหรืองานประจำ อาจจะต้องคำนวณเวลาดีๆระหว่างการไปรับหิ้วสิ้นค้า และการนัดรับสิ้นค้า หรือส่งสินค้า เพราะถ้าหากผิดพลาดคุณอาจไปไม่ทันงานสินค้าลดราคา หรือไปส่งสินค้าให้ลูกค้าไม่ทัน เสียเครดิตก็เป็นได้
  6. มีความรู้ด้านแฟชั่น : ข้อนี้ถือว่ามีความสำคัญ เพราะจะต้องจดจำยี่ห้อหรือแบรนด์สินค้า แต่ละแบรนด์ก็จะมีรุ่นและสี ที่แตกต่างกันออกไป
  7. ทันต่อเหตุการณ์ : ข้อนี้สำคัญมากจะต้องอัพเดทข้อมูลแหล่งสินค้าลดราคา แบรนด์ไหนsale ลดกี่เปอร์เซ็นต์ งานจัดที่ไหน จัดกี่วัน มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง จะต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหากถ้าพลาดไปแม้วันเดียว นั่นหมายถึงคุณช้ากว่าคู่แข่งไปแล้ว 1 ก้าว เพราะจงอย่าลืมว่าอาชีพนี้คู่แข่งก็เยอะเช่นเดียวกัน
  8. สื่อสัตย์สุจริต : บรรทัดฐานของบุคคลที่ทำอาชีพค้าขายออนไลน์ทราบกันดี นั่นคือความซื่อสัตย์ จริงใจ คือจะต้องค้าขายอย่างตรงไปตรงมา ตรงต่อเวลา ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ไม่ค้ากำไรจนเกินควรแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลำบากตัวเองด้วย จึงจะถือว่าวินๆด้วยกันทั้งสองฝ่าย

อยากขายของ รับหิ้วสินค้า เริ่มต้นอย่างไร อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

เมื่อลองสำรวจดูตัวเองแล้วว่าเหมาะที่จะทำอาชีพนี้ไหม หรือมีความสามารถพอที่จะทำอาชีพนี้ได้ ก็มาถึงขั้นตอนของการรับหิ้วสินค้าอย่างจริงจังแล้วดังต่อไปนี้

  1. สร้างตัวตนขึ้นมา คือ จะใช้สื่อโซเชียลที่เล่นอยู่ทุกวันอย่าง Facebook / Instagram / Line เป็นต้น หรือจะสร้าง Fan page ขึ้นมาก็ได้เช่นกัน เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าและรีวิวผลงานการับหิ้วสิ้นค้าที่ผ่านมาของตัวเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้แก้ผู้ที่สนใจ
  2. กดติดตามเพจแบรนด์สินค้าดังๆ เพจรวมโปรโมชั่น เพจห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เข้ากลุ่มซื้อขาย – รับหิ้วสินค้า รีวิวสินค้า รวมไปถึงอินสตาร์แกรมของดารา นักแสดง นักร้องยอดนิยม เป็นต้น เพื่อติดตามข่าวสาร โปรโมชั่น และอัพเดทเทรนด์สินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
  3. ขยันโพส ขยันคอมเม้นท์ตามคอนเท้นส์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้า และหมั่นเช็คกล่องข้อความเพื่อโต้ตอบกับลูกค้าให้ทันท่วงที

หลักๆก็จะเป็น 3 ขั้นตอนนี้คือเป็นบุคคลที่มีตัวตน ตรวจสอบได้ ไม่ใช่บัญชีปลอม หมั่นอัพเดทข่าวสาร โปรโมชั่นสินค้าลดราคาและแบรนด์ดังๆต่างๆ ขยันโพส ขยันคอมเม้นท์ สร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้า ว่ามีช่องการซื้อที่เขาไม่จำเป็นต้องเดิน เสียเวลาไปซื้อด้วยตนเอง ส่วนที่เหลือก็เป็นการรับออเดอร์สินค้า จัดหาสินค้า และส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้า ถือเป็นอันเสร็จกระบวนการ

อยากขายของ รับหิ้วสินค้า เริ่มต้นอย่างไร อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

ต้นทุนการรับหิ้วสินค้า

ต้นทุนเริ่มต้นโดยประมาณ 2,000-3,000 บาท ก็สามารถเริ่มอาชีพรับหิ้วสินค้าได้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะใช้ไปเป็นค่าน้ำมันรถ และค่าจัดส่ง ส่วนต้นทุนที่เหลือจะเป็นต้นทุนในส่วนของการลงแรงและต้นทุนเรื่องเวลา

จำนวนที่รับหิ้วสินค้า

พิจารณาตามความเหมาะสมของตัวเอง ว่ามีความสามารถในการรับหิ้วสินค้าในแต่ละวันได้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนที่เพิ่งเริ่มทำยังไม่มีผู้ช่วยก็จะรับหิ้วโดยประมาณวันละ 10 ชิ้น แต่ทั้งนี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับสิ้นค้า ขนาด และน้ำหนักด้วย หากเป็นเสื้อผ้าก็จะได้หลายชิ้น แต่ถ้าเป็นรองเท้า หรือกระเป๋า ก็ไม่เกิน 10 ชิ้น ในกรณีที่มีผู้ช่วยก็จะสามารถรับได้ในจำนวนที่เยอะขึ้น

การตั้งราคา

เกณฑ์การตั้งราคาจะขึ้นอยู่กับแบรนด์สินค้า หากเป็นสินค้าแบรนด์ยี่ห้อดังๆมีราคาค่อนข้างสูง อัตราค่าบริการก็จะแพงไปด้วย เช่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ รุ่นหายาก อัตราค่าบริการรับหิ้วสินค้าจะเริ่มต้นที่ 100 บาทขึ้นไปจนถึงหลักพันบาทก็มี แต่หากเป็นสินค้าลดราคาทั่วไปก็จะเริ่มต้นที่ 20 บาทเป็นต้น *ไม่รวมค่าจัดส่ง

ข้อสังเกต : ผู้รับหิ้วสินค้าเองก็มีการจัดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าด้วยเช่นกันในการคิดราคาค่าหิ้ว อาทิ ชิ้นแรก 20 บาท ชิ้นต่อๆไป 10 บาท หรือส่งฟรีเมื่อสั่งเกิน 1000 บาท เป็นต้น

ผลกำไร

ผลกำไรเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1,000-2,000 บาท / วัน (หากคำนวนต่อเดือนก็จะมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 20,000-50,000 บาท) หักลบต้นทุนแล้วก็ยังเหลือไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท หากขยันๆหน่อยตัวเลขที่เห็นนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หรืออาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำไป

วิธีการส่งสินค้า

  1. ส่งทางไปรณีย์
  2. นัดรับสินค้า (ส่วนมากจะเป็นในกรุงเทพฯ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า BTS และ MRT )

ค่าจัดส่ง

  1. ไปรษณีย์ : โดยทั่วไปแล้วจะคิดราคากันที่ลงทะเบียน 30 บาท แบบEMS 50 บาท และแบบคิดตามน้ำหนัก แต่ในกรณีที่มีการจัดส่งให้ฟรีนั้นจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้รับหิ้วค้าที่ให้ตกลงไว้กับลูกค้าดังที่กล่าวมาในข้อสังเกตด้านบน
  2. นัดรับสินค้า : ไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนมากจะตกลงกันที่ทั้งสองฝ่ายสะดวก

คำแนะนำสำหรับผู้รับหิ้วสินค้าและผู้สั่งซื้อสินค้า

  1. ซื้อสินค้าลดราคาต้องทำความเข้าใจ อาจเป็นสินค้าที่ตกรุ่น หรือสินค้ามีตำหนิ ดังนั้นทั้งผู้ซื้อและผู้รับหิวจะต้องทำความเข้าใจและตกลงกันให้ดีเสียก่อน ดังนั้นก่อนทำการซื้อสินค้าผู้ซื้อจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้ายังมีสภาพดีอยู่ ในกรณีที่ตรวจสอบสินค้าแล้วพบว่ามีตำหนิในระดับที่ผู้ซื้อรับได้และตกลงจะให้ซื้อสินค้ามา จึงค่อยซื้อ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
  2. ตรวจสอบและเช็คเครดิตผู้รับหิ้วสินค้าก่อน ว่ามีรีวิวที่น่าเชื่อถือ มีคอมเม้นท์และพูดถึงในทางที่ดี หรือเคยโกงผู้ซื้อรายอื่นมาบ้างหรือเปล่า เพื่อป้องกันการถูกโกงจากผู้รับหิ้วสินค้า ในขณะเดียวกันผู้รับเองก็ต้องแสดงความจริงใจต่อผู้ซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเป็นแสดงเอกสาร หลักฐานยืนยันตัวตน รีวิวการรับหิ้วสินค้าที่ผ่านมา
  3. ผู้รับหิ้วสินค้าเองก็ต้องระมัดระวังในการรับสินค้าผ่านทางสื่อออนไลน์เช่นกัน อย่าไว้ใจ เชื่อใครง่ายๆแม้จะเป็นลูกค้าประจำก็ตาม ต้องรู้จักป้องกันเองด้วย เช่น มัดจำก่อน 50 เปอร์เซ็น หรือให้โอนยอดเป็นจำนวนเต็ม เป็นต้น
  4. มีน้ำใจซึ่งกันและกัน อย่าเอารัดเอาเปรียบกัน อาทิ เมื่อตกลงสั่งซื้อก็ต้องจ่ายเงินในเวลาที่กำหนด หากสั่งซื้อไม่ทันก็ต้องรอรอบต่อไป เช่นเดียวกันกับผู้รับหิ้วสินค้า เมื่อถึงกำหนดส่งสินค้าก็ต้องส่งตามเวลา

อยากขายของ รับหิ้วสินค้า เริ่มต้นอย่างไร อาชีพเสริมทำเงินไม่ใช่เล่นๆ

แสดงความคิดเห็น