อยากเปิดร้านซักรีด ? ข้อมูลราคาต้นทุนพร้อมเทคนิค อ่านจบเปิดร้านได้เลย

เชื่อว่าหลายคนคิดอยากจะเปิดร้านซักรีดขึ้นมาเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่สามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว อีกทั้งยังเป็นอาชีพอิระที่เมื่อว่างเว้นจากการรับงานซักรีดให้ลูกค้าแล้ว ก็สามารถใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้ นอกจากนี้ข้อดีของร้านซักรีดก็คือเป็นบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบาย รวดเร็ว เนื่องจากในสังคมที่เร่งรีบ เวลาของทุกคนมีค่า ดังนั้นหลายๆคนจึงไม่เวลามานั่งซักผ้า ตากผ้า รีดผ้าเอง โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน เพราะในแต่ละวันนั้นใช้ไปกับการทำงาน และการเดินทางที่ต้องฝ่ารถติดหลายชั่วโมง กว่าจะกลับถึงบ้านก็แสนจะเหนื่อยล้าเต็มที จะให้มาจัดการเสื้อผ้าเองอีกก็คงไม่ไหว ทางเลือกที่ดีสำหรับคนกลุ่มนี้ก็คือการใช้บริการจาก”ร้านซักรัด”นั่นเอง

สำหรับคนที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจร้านซักรีดด้วยตนเอง ไม่อยากซื้อแฟรนไชส์ อยากเปิดร้านขนาดเล็ก – ขนาดกลาง ลงทุนไม่มากตามงบประมาณที่จำกัด เปิดร้านแบบค่อยเป็นค่อยไป ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการพิจารณาลงทุนทำธุรกิจเบื้องต้น

การวางแผน

ไม่ว่าจะเริ่มต้นทำธุรกิจใดๆ การศึกษาข้อมูลและเตรียมวางแผนที่รัดกุมนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ สำหรับธุรกิจร้านซักรีด สิ่งที่ต้องคำนึงในการวางแผนเริ่มต้นธุรกิจมีดังนี้

1.กำหนดงบประมาณ – ต้นทุน 

งบสำหรับซื้ออุปกรณ์,เครื่องใช้ไฟฟ้า

  • เครื่องซักผ้า (ฝาหน้า) ขนาด 8 – 10 กิโลกรัม ราคาประมาณ 20,000 – 25,000 บาท
  • เครื่องอบผ้า ขนาด 8 – 10 กิโลกรัม ราคาประมาณ 10,000 – 15,000 บาท
  • เตารีดไอน้ำ ราคาประมาณ 10,000 – 15,000 บาท
  • ราวแขวนผ้า / โต๊ะรีดผ้า / ตะกร้า / ไม้หนีบ /น้ำยาต่างๆ และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่นๆ ใช้งบประมาณ 2,000 บาท

งบสำหรับแรงงาน

  • รายวัน 350 – 400 บาท
  • รายชิ้น 10 บาท/ชิ้น
  • รายเดือน 9,000 – 12,000 บาท (คิดจากค่าแรงขั้นไม่รวมสวัสดิการอื่นๆที่จะให้แก่คนงาน)

งบสำหรับค่าเช่าพื้นที่

  • ค่าเช่า 5,000 – 10,000 บาท (รวมน้ำ – ไฟ แล้วไม่ควรเกิน)

ลงทุนเครื่องซักผ้าประมาณ 2 เครื่อง, เครื่องอบผ้า 1 เครื่อง, เตารีด 1 เครื่อง รวมค่าเช่าและอุปกรณ์อื่นแล้ว ควรเตรียมเงินทุนประมาณ 80,000 – 100,000 บาท

หมายเหตุ : การคำนวณต้นทุนเบื้องต้นเลือกอ้างอิงจากราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านความทนทาน เน้นใช้งานระยะยาว แต่สำหรับคนที่อยากจะทำต้นทุนให้ต่ำลงมา งบประมาณ 50,000 บาท ก็สามารถเริ่มทำธุรกิจได้ทันทีเช่นกัน โดยลดสเปคเครื่องใช้ไฟฟ้าลงมาซึ่งราคาก็จะถูกกว่าเกินครึ่ง ราคาไม่เกิน 7,000 บาท/เครื่อง แต่ฟังก์ชั่นและการใช้งานในระยาวก็ด้อยประสิทธิภาพลงมา

  • เครื่องซักผ้าขนาด 8 – 10 กิโลกรัม ราคาประมาณ 6,000 บาท/เครื่อง
  • เครื่องอบผ้า 8 – 10 กิโลกรัม ราคาประมาณ 6,000 บาท/เครื่อง
  • เตารีดไอน้ำแบบแยกหม้อ 3,000 – 4,500 บาท
  • ราวแขวนผ้า / โต๊ะรีดผ้า / ตะกร้า / ไม้หนีบ /น้ำยาต่างๆ และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่นๆ ใช้งบประมาณ 2,000 บาท
  • ** งบเบื้องต้นอยู่ที่ 24,000 บาท เมื่อรวมกับงบประมาณด้านค่าจ้างแรงงานและค่าเช่าพื้นที่ก็จะอยู่ที่ 45,000 บาท **

2. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
เลือกกลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะกลุ่มเป้าหมายจะเป็นตัวกำหนดทำเลในการเลือกลงทุน กลุ่มเป้าหมายหลักในธุรกิจนี้ก็คือ “กลุ่มนักศึกษาและกลุ่มวัยทำงาน” ซึ่งมีกำลังพอที่จะจ่ายค่าบริการ โดยบริการนี้จะเป็นที่ต้องการและตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มคนเหล่านี้ ที่ต้องออกไปเรียน ไปทำงานในทุกๆวัน เสื้อผ้าคือปัจจัยพื้นฐานที่ต้องใช้ประจำทุกวันเช่นกัน

3.ทำเล
เมื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว “ทำเลที่ตั้ง” คือส่วนที่ต้องพิจารณา โดยเลือกทำเลให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายหลักดังกล่าว โดยเน้นใกล้ หอพัก อพาร์ทเม้นท์ คอนโด ย่านชุมชน เป็นหลัก ยิ่งหากใต้ทำเลใต้หอพักหรือคอนโดก็จะยิ่งดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เป็นจุดสังเกตง่าย เห็นได้เด่นชัด สะดวกต่อผู้อาศัยในหอพัก คอนโด ฯลฯ ที่จะมาใช้บริการ

4.คู่แข่ง
รู้เขารู้เรา ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่ง สังเกตอะไรที่เป็นข้อดีของเขาและเรายังไม่มีก็นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ อะไรที่เป็นข้อด้อย ควรปรับปรุง ก็สำรวจดูว่าร้านเราเป็นอย่างร้านเขาไหมถ้ามีก็ให้รีบแก้ไขเสีย

การบริการ

หลังจากที่เราวางแผนและเลือกรูปแบบการลงทุนได้เรียบร้อย มีทำเลพร้อมที่จะเปิดให้บริการแล้ว ส่วนต่อมาที่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจในทุกๆธุรกิจบริการก็คือ “การบริการ” สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีดังนี้

  • คุณภาพ : เริ่มต้นเคยทำไว้ดีระดับไหน วันต่อๆไปก็ต้องมีคุณภาพเท่าเดิม หรือดีมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ทำผลงานออกมาดีแค่ในช่วงเริ่มต้นเปิดร้าน นานวันไปก็ด้อยคุณภาพลง เช่น ซักเสื้อผ้าไม่สะอาด รีดไม่เรียบ ผ้าไม่หอม การรักษาระดับคุณภาพจะทำให้คุณอยู่เหนือคู่แข่ง แม้ว่าจะมีทางเลือกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านซักผ้าหยอดเหรียญ หรือร้านสะดวกซัก ที่พร้อมเป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้า แต่ถ้าลุกค้าติดใจฝีมือของร้านคุณเขาก็เลือกที่จะมาใช้บริการจากร้านและยินดีจ่ายเงินเพื่อแลกกับคุณภาพที่เขาจะได้
  • Service Mind : บริการด้วยใจ เราอาจได้ยินคำนี้บ่อย แต่เชื่อเถอะว่ามันใช้ได้ดีจริงๆ ยิ้มแย่มแจ่มใส พูดจาอ่อนไหว นอบน้อม คุยสนุก ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ เพราะเขาจะกลายเป็นลูกค้าของคุณไปอีกนานแสนนาน เผลอๆอาจแนะนำคนอื่นๆมาใช้บริการด้วย “ดังนั้นแล้วยิ้มไปเถอะ ยิ้มไม่ได้ทำให้เราเสียเงินแต่ทำให้ได้เงิน”
  • ซื่อสัตย์ : คุณสมบัติอีกหนึ่งประการของผู้ประกอบการ โดยจะต้องซื้อสัตย์และซื่อตรงต่อลูกค้า เช่น รักษาระดับคุณภาพ ดังเช่นที่กล่าวไว้ในด้านคุณภาพข้างต้น หรือคิดราคาตรงไปตรงมา มีการตั้งราคากลางที่เหมาะสม ในกรณีที่ต้องคิดเงินเพิ่ม เช่น เสื้อผ้าต้องซักมือเท่านั้น ก็คิดราคาที่สมเหตุสมผล
  • มีความรับผิดขอบ : ทำงานเสร็จทันตามที่ลูกค้าต้องการ เพราะบางคนต้องการใช้งานเร่งด่วนจึงยอมที่จะเสียเงินแพงกว่าเพื่อซื้อเวลา ดังนั้นจะต้องรับผิดชอบให้เสร็จตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ หรือแม้แต่ในการซักปกติก็ต้องทำให้เสร็จตามลำดับในแต่ละวันให้เรียบร้อย ไม่ดองงาน ในกรณีที่ทำชุดหรือเสื้อผ้าลูกค้าเสียหายก็ต้องดูแลรับผิดชอบแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างเต็มที่ การแสดงความรับผิดชอบจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

คำแนะนำในการตั้งราคา

รายชิ้น
รายชิ้นซัก – อบ – รีด ราคา 20 บาท/ชิ้น (ด่วน 30 – 40 บาท)
รายชิ้นรีดอย่างเดียว ราคา 10 บาท/ชิ้น (ด่วน 20 บาท)
รายชิ้นชุด เดรส เครื่องแบบ 50 – 100 บาท
ผ้านวม ราคา 50 – 150 บาท/ชิ้น

รายเดือน (เฉลี่ย 15 บาท)
30 ชิ้น ราคา 500 บาท
50 ชิ้น ราคา 800 บาท
100 ชิ้น 1,500 บาท

รับประกันความเสียหายตามมูลค่าหรือตั้งขั้นต่ำไว้ เช่น ไม่เกิน 2,000 บาท เป็นต้น (สำหรับเสื้อผ้าทั่วไป)

เทคนิคสู่ความเป็นที่ 1 ในใจลูกค้า

  1. จัดโปรโมชั่น ชัดโปรโมชั่นบ้าง ลด แลก แจก แถม อย่างน้อย 3 เดือน/ครั้ง เพื่อกระตุ้นลูกค้าเข้าร้าน
  2. จัดหน้าร้าน ตกแต่งร้าน โดยสื่อสารให้ชัดเจนว่าร้านเราคือร้านซักรีด อาจจะให้รูปภาพหรือข้อความที่สะดุดตา ที่สำคัญตั้งชื่อร้านให้ลูกค้าจดจำง่าย
  3. รู้จักลูกค้าของคุณทุกคน ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้ไปทำความรู้จักสนิทสนมกับทุกคนที่เข้ามาในร้าน แต่หมายถึงให้รู้ว่าลูกค้าของคุณนั้นมีความต้องการแบบไหน บางคนชอบผ้าหอมๆ บางคนต้องเน้นความละเอียด ความเนี้ยบ บางคนต้องส่งผ้าเวลานี้เท่านั้น เป็นต้น เมื่อทราบแล้วก็จะได้ให้บริการที่ถูกจริตลูกค้า
  4. เพิ่มบริการเสริม เช่น บริการรับ – ส่งผ้าฟรี หรือถ้ามีฝีมือในการซ่อมแซมเสื้อผ้าเบื้องต้น ก็สามารถนำมาเป็นบริการเสริมเข้าไปในร้านได้
  5. เพิ่มช่องทางติดต่อร้าน โดยการสร้าง เว็บไซต์, Facebook page เป็นต้น เพื่อแจ้งข่าวสารและโปรโมชั่น รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ร้าน สร้างการรับรู้ บางทีเราอาจจะได้ลูกค้าในละแวกถัดเพิ่มขึ้นก็ได้

คำแนะนำเพื่อความสำเร็จ

  1. ดูแลความสะอาด จัดพื้นที่เป็นสัดส่วนเพื่อให้ง่ายในการทำงาน และสะดวกเวลาที่ลูกค้ามาส่งหรือรับผ้า
  2. ดูแลพนักงานเสมือนคนในครอบครัว การจะได้คนงานดีๆสักคนนั้นหายาก ดังนั้นเมื่อเจอแล้วก็ต้องดูแลเขาให้เท่าเทียมกับคนในบ้าน เขาจะได้รู้สึกอุ่นใจ สบายใจเมื่อทำงานด้วย และทำงานได้ตามที่เราต้องการ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดก้ให้พูดจาถ้อยทีถ้อยอาศัย บอกเขาถึงความผิดและตักเตือนอย่างสุภาพ การให้เกียรติซึ่งกันละกันจะสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และยิ่งเพิ่มความยำเกรง ยิ่งคุณเป็นตัวอย่างที่ดีมากเท่าไหร่ลูกจ้างก็ให้ความเคารพมากขึ้นเท่านั้น
  3. ทำธุรกิจสุจริต ไม่โจมตีคู่แข่ง ในกรณีที่ต้องเปิดร้านในละแวกเดียวกับคู่แข่งในธุรกิจ อย่าไปโฟกัสกับคู่แข่ง ให้โฟกัสอยู่ที่หน้าที่และงานของตัวเอง ยิ่งเอาเวลาไปใส่ใจและคอยจ้องแต่จะโจมตีคู่แข่ง ก็ยิ่งเสียเวลาในการพัฒนาร้านของตัวเอง
  4. ไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเอง หมั่นตรวจเช็คภายในร้านและการบริการอยู่เสมอๆ รับฟังคำติชมของลูกค้า ส่วนไหนไม่ดีก็ปรับปรุงและแก้ไขทันทีไม่ปล่อยทิ้งไว้

สำหรับทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะเห็นได้ว่าการสร้างธุรกิจสักอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะสร้างธุรกิจที่ยืนระยะอยู่ได้เป็นเวลานานเป็นเรื่องยาก ดังนั้นแล้วหากจะทำธุรกิจด้านบริการ ข้อสำคัญคือคุณภาพเป็นเรื่องที่สำคัญ และไม่ควรละเลย พลังของการบอกต่อปากต่อปากในโลกทั้งในออฟไลน์และออนไลน์ เป็นการส่งต่อข้อมูลที่รวดเร็วและเป็นตัวชี้วัดจำนวนลูกค้า เมื่อทำธุรกิจให้บริการด้วยใจ ก็ไม่ยากที่จะมัดใจลูกค้าเอาไว้ได้

แสดงความคิดเห็น