อาหารญี่ปุ่น “Shibuya” เน้นความหลากหลาย แฟรนไชส์อาหารยอดนิยม!!

เทรนด์อาหารญี่ปุ่น กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก ด้วยรสชาติที่อร่อย ไม่จำเจ เมนูหลากหลายให้เลือกอย่างครบครัน ทำให้เกิดธุรกิจอาหารญี่ปุ่นสัญชาติไทย “Shibuya” (ชิบูย่า) ที่ได้ก้าวสู่เส้นทางนี้ตั้งแต่ปี 2550 สามารถสร้างชื่อเสียงจากเหล่านักชิม ที่ชื่นชอบเมนูสไตล์ญี่ปุ่น แต่มีรสชาติที่เข้มข้นถูกปากคนไทย เป็นการผสมผสานความสากลได้อย่างลงตัว

“ปาริชาติ อัศวเศรณี”ตำแหน่งกรรมการ บริษัทชิบูย่า ฟู้ด จำกัด กล่าวถึงแนวทางการขยายธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น แบรนด์ “Shibuya”สู่ตลาดแฟรนไชส์ นั้น เนื่องจาก ตั้งแต่เริ่มเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นได้ไม่นาน มีลูกค้าหลายราย สนใจพยายามที่จะขอซื้อแฟรนไชส์จากทางร้าน แต่ทางแบรนด์ยังไม่มีความพร้อม เป็นกังวลด้านคุณภาพวัตถุดิบ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ได้ จึงต้องใช้เวลาเตรียมตัวในด้านการวางระบบให้มีความเรียบร้อย ในเวลา 1 ปี

สาเหตุการขยายแฟรนไชส์อีกข้อที่สำคัญ คือ ต้องการให้ร้านอาหารญี่ปุ่น แบรนด์ “Shibuya” เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ช่วยขยายเครือข่ายทางการตลาด เพิ่มปริมาณสาขา ให้ได้ฐานลูกค้าที่มากขึ้น และเพื่อต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ
แผนการตลาดแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น “Shibuya” เริ่มจากการขยายสาขาด้วยตนเอง

ระบบการบริหารงานแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น “Shibuya” ทางแบรนด์จะใช้ให้มาตรฐานเดียวกับสาขาแรก โดยใช้ระบบครัวกลางป้อนวัตถุดิบหลักส่งให้แฟรนไชส์ซี่ ไม่ว่าจะเป็นซอสปรุงรส เส้นสด น้ำซุปก้อน ส่วนวัตถุดิบเสริม ทางแบรนด์จะมีการแนะนำสถานที่ซื้อ แหล่งขายที่ได้มาตรฐาน มีการจัดอบรมหลักสูตรประมาณ 1 เดือน เกี่ยวกับวิธีการทำเมนูต่างๆ รวมถึงวิธีการจัดการร้านแฟรนไชส์ให้เป็นระบบที่ถูกต้อง นอกจากนี้ทางแบรนด์ ยังได้ลงทุนนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศเพื่อรองรับระบบขนส่งด้านการผลิต ด้านระบบขนส่งวัตถุดิบ โดยเริ่มต้นส่งในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนมาตรการรักษาคุณภาพ ความสะอาด จะมีข้อกำหนด คือให้รับวัตถุดิบจากส่วนกลางเท่านั้น เก็บเงินมัดจำป้องกันการละเมิดสัญญา มีทีมงานคอยตรวจสอบอยู่เสมอ

แฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น แบรนด์ “Shibuya” มีจุดขายคือ เน้นอาหารญี่ปุ่นจานเดียวประเภทเส้นสด ซึ่งมีให้ลูกค้าเลือกอย่างหลากหลาย ได้แก่ อูด้ง ราเมน โซบะ โซเมน อินามิวะ รสชาติจะมีการปรับให้เข้มข้นขึ้นถูกปากคนไทย มีเมนูรายการอื่นๆให้เลือกอีกประมาณ 10 เมนู ทั้งจานหลักและกินเล่น จะคัดเฉพาะเมนูที่ฮิตและสะดวกในการทำ ใช้เวลาที่ไม่นาน เพื่อลูกค้าจะได้ไม่เสียเวลาในการรับประทาน ราคาขายจะถูกกว่าที่สาขาแรกประมาณ 20-30% เพื่อให้เหมาะแก่กลุ่มลูกค้าที่จะขยายฐานให้กว้างขึ้นในท้องตลาด เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคอายุประมาณ 20-40 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงานด้านการตกแต่งร้านจะเน้นความทันสมัย เรียบง่าย สะอาดตา

การดูแลร้านแฟรนไชส์จะมีต้นแบบเป็นสาขาที่เอสพลานาด มีขนาดพื้นที่ไม่กว้าง แต่ประสบความสำเร็จได้รายได้ย่างงดงาม ประมาณ 1.5 บาทต่อเดือน ซึ่งทางแบรนด์คาดการณ์ว่าจะสามารถคืนทุนแฟรนไชส์ภายใน 2 ปี เป้าหมายการขยายแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ “Shibuya” ในอนาคตตั้งไว้ที่ประมาณ 10 สาขา แผนส่งเสริมการตลาดเพื่อสนับสนุนแฟรนไชส์ มีการสำรองงบประมาณไว้ที่ 10% ของผลประกอบการ เพื่อทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ออกแบบแสดงสินค้า และการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย เป็นต้น

แฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ “Shibuya” สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจในยุคนี้ ที่มีค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพราะด้วยรสชาติที่อร่อย ถูกปากคนไทย วัตถุดิบจากต่างประเทศ ในราคาที่ไม่แพง จึงทำให้ “Shibuya” ครองใจสาวกคนรักอาหารญี่ปุ่นได้ไม่ยาก

ข้อมูลแฟรนไชส์
รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น แบรนด์ “Shibuya”
1.แบบร้านขนาดย่อม พื้นที่ประมาณ 70 ตารางวา เงินลงทุนเบื้องต้นพร้อมเปิดร้าน ประมาณ 1 ล้านบาท
2.แบบเคาน์เตอร์ เน้นเปิดบริเวณศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า เงินลงทุนเบื้องต้นพร้อมเปิดร้านประมาณ 5 แสนบาท

ความเสี่ยง ปัจจัยติดลบ
1.เศรษฐกิจมีความเปลี่ยนแปลง ผันผวน ค่าครองชีพสูงขึ้น
2.ต้นทุนวัตถุดิบด้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรอาจลดลง
3.คู่แข่งร้านอาหารญี่ปุ่นมีหลากหลายแบรนด์ ทำให้การแข่งขันสูง