การเลือกสินค้ามาขายออนไลน์ ตั้งคำถาม-ตอบ ก่อนลุยสังเวียน

เคล็ดลับ! การเลือกสินค้ามาขายออนไลน์

การเลือกสินค้ามาขายออนไลน์ ตั้งคำถาม-ตอบ ก่อนลุยสังเวียน

เคล็ดลับ! การเลือกสินค้ามาขายออนไลน์

การเลือกสินค้ามาขายออนไลน์ ขั้นตอนนี้นับเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการชี้วัดว่าธุรกิจของคุณจะรุ่งหรือร่วงการขายสินค้าออนไลน์ในครั้งนี้ คนส่วนใหม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหลายคนก็หาทางรับมือ เริ่มต้นจากการประเมินหลายๆด้านเพื่อให้แน่ใจหากเลือกสินค้ามาแล้วจะขายได้ Infographic นี้จะช่วยให้คุณเลือกและประเมินผลผลิตภัณฑ์ที่จะขายออนไลน์ ซึ่งจะมีคำถาม ข้อควรพิจารณา ในการรับรู้โอกาสและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

การเลือกสินค้ามาขายออนไลน์ ตั้งคำถาม-ตอบ ก่อนลุยสังเวียน

คำถาม : ขนาดของตลาด ?
ก่อนอื่นต้องคำนึงถึงตลาดเป็นหลัก ตลาดที่มีขนาดเล็กหมายความว่าคุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้มากขึ้น ด้วยการโฆษณาของคุณ ในทำนองเดียวกันตลาดที่มีขนาดใหญ่ก็จะทำให้คุณกำหนดเป้าหมายได้ค่อนข้างยาก ข้อควรระวังคือหากตลาดของคุณนั้นเล็กเกินไปก็ยากที่จะหาลูกค้าได้เช่นกัน ดังนั้นต้องคำนึงถึงขนาดของตลาดให้พอดีกับความต้องการสินค้า

คำถาม :อะไรคือ สินค้าแฟชั่น, เทรนด์ที่กำลังเติบโต หรือ อยู่ในช่วงตลาดขาลง?
คุณจะต้องศึกษาแนวโน้มสินค้าหรือบริการ เทรนด์แฟชั่นที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ไม่จำว่าจะต้องเกาะติดตลอดเวลา เพียงแต่ว่าคุณจะต้องมีข้อมูลแฟชั่นเหล่านี้บ้าง เพื่อให้ทันกระแสความนิยมของตลาด ถ้าหากคุณต้องการความมั่นคงในธุรกิจออนไลน์ระยะยาว การศึกษาวิถีทางของตลาดจะนำไปสู่การเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

คำถาม :  ใครคือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ?
แม้ว่าการขายสินค้าออนไลน์จะได้รับการยอมรับที่ค่อนข้างดีในขณะนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังมีความรู้สึกไม่มั่นใจในการซื้อสินค้าออนไลน์  ผู้สูงอายุยังคงเป็นกลุ่มที่มีความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซรวมทั้งเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ก็ยังคงใช้บัตรเครดิตของผู้ปกครองในการซื้อสินค้า

คำถาม :  อะไรคือ ราคาขายที่เหมาะสม ?
ความสมเหตุสมผลเป็นสิ่งสำคัญมากในการตั้งราคาขายสินค้า กำหนดช่วงราคาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกสินค้าที่มีราคา 75-150$ มาขาย ต้นทุนและกำไรต่อหน่วยก็จะต่ำ

คำถาม : ฉันสามารถนำสินค้ากลับมาขายให้ลูกค้าด้วยระบบสมาชิกได้อีกหรือไม่?
ระบบสมาชิกเป็นสิ่งที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซนิยมใช้กันทั่วไป ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะกระโดดกันเข้าไปจับสินค้าแฟชั่น ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ดีว่า เราจะสามารถขายสินค้าให้ลูกค้ารายเดียวได้ง่ายขึ้น และขายได้ในราคาที่ถูก ซึ่งเป็นดีกว่าการพยายามหาและขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายใหม่

คำถาม : ฉันจะจัดการเรื่องสินค้าที่มีความเปาะบางอย่างไร ?
สินค้าที่มีความเปราะบางนั่นหมายถึงว่าคุณจะต้องเพิ่มรายจ่ายสำหรับการบรรจุภัณฑ์ ถ้าคุณวางแผนที่จะขายสินค้าที่มีความเปราะบาง ต้องไม่ลืมที่จะวางแผนทางการเงินสำหรับสินค้าหน่วยที่เสียหายด้วย ถ้าคุณมีสินค้าที่มีราคาต่ำหรืออัตรากำไรต่ำ นั่นอาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ

คำถาม :  สินค้าของฉันแก้ปัญหา สนองความชอบ หรือตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือไม่ ?
ถามตัวเองว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะช่วยแก้อาการได้ตรงจุดกับลูกค้า บริการตอบสนองสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ หรือว่าเป็นสินค้าสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วทิ้ง ซึ่งสินค้าที่ใช้แล้วทิ้งนี้จะทำให้คุณมีโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานและผู้ซื้อซ้ำ

คำถาม : ผลิตภัณฑ์หรือตลาดของฉันมีข้อจำกัด หรือข้อบังคับใดๆบ้าง ?
ข้อจำกัด และกฎระเบียบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จะทำให้คุณเสียเวลาและค่าใช้จ่าย ดังนั้นจะต้องทำการนำเข้าสินค้ามาขายอย่างถูกต้องตามข้อบังคับต่างๆ เช่นสอบถามข้อมูลการนำเข้าสินค้าจากนายหน้าศุลกากรก่อนการสั่งซื้อสินค้าคงคลัง

คำถาม : ฉันสามารถขาย / ตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ดีกว่าคู่แข่ง ?
หากคุณมี ทักษะ, ทุนทรัพย์, เครื่องมือ, ความคิดหรือมุมที่สามารถแตกต่างจากคู่แข่ง คุณสามารถที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหนือกว่าได้อย่างแน่นอน เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเปิดร้านขายสินค้าออนไลน์ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการของแต่ละคน

คำถาม : รูปแบบขอบเขตของการแข่งขันเป็นอย่างไร ?
ไม่เพียงแค่ขนาดของตลาดจะสำคัญ การแข่งขันนำสินค้าที่มีอยู่ขายในพื้นที่ตลาดนั้นก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ ศึกษาจุดแข็งและจุดอ่อนทั้งของตัวเองและคู่แข็งอยู่สม่ำเสมอ เสริมกลยุทธ์ต่างๆเพื่อตัวเองสามารถแข่งขันในตลาดที่การแข่งขันสูงๆได้

คำถาม : สินค้าของฉันพร้อมบริการในท้องถิ่นหรือไม่?
สินค้าที่มีอยู่ในท้องถิ่นเป็นหนึ่งเหตุผลที่จะช่วยให้ผู้บริโภคซื้อจากคุณ คุณจะต้องวางแผนแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในท้องที่ด้วย หากคุณจะขายสินค้าในท้องถิ่นนั้นๆ

คำถาม :  จะขึ้นราคาสินค้าเพื่อให้มีกำไรอย่างไร ?
ในอีคอมเมิร์ซเหมือนธุรกิจอื่น ๆมีน้อยมากที่จะกินไปที่อัตรากำไรขั้นต้นของคุณ  การเพิ่มราคาสินค้า 5-10 (ระหว่างราคาโรงงาน / ราคาผู้จัดจำหน่าย) จะช่วยดูดซับค่าธรรมเนียมและยังคงทำกำไรที่ดี

คำถาม : การวางแผนสินค้าคงคลัง ?
SKUs (stock keeping unit) หรือ สินค้าคงคลัง เมื่อ SKUs มากขึ้นเท่ากับอาการปวดหัวมากขึ้น จำนวนมากของ SKUs จะเพิ่ม MOQ (minimum order quality) หรือ (คุณภาพสั่งซื้อขั้นต่ำ) จากลูกค้าของคุณ ถ้าทุกหน่วยสินค้าคงคลังมีสินค้าที่ไม่ตรงตามต้องการ (เช่นสีที่แตกต่างกัน) โดยทั่วไปจะกลายเป็นกระบวนการจัดการที่เพิ่มขึ้นตามมา

คำถาม : รู้ขนาดและน้ำหนักของสินค้าของคุณหรือไม่?
นำหนักที่มากและมีขนาดใหญ่ จะเป็นปัญหายุ่งยากและมีราคาแพงสำหรับการจัดเก็บในคลังสินค้าและการขนส่ง ซึ่งราคาในการขนส่งสินค้าเป็นเหตุผลสำคัญสำหรับการขายสินค้านำเข้า

คำถาม : ฉันรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้หรือไม่?
ฤดูกาลส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำนวนมากในระดับเดียวกัน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีตามฤดูกาล ลองใช้ google Trendsและ ความเปลี่ยนแปลงในแต่ละฤดูกาล มันจะช่วยให้คุณวางแผนล่วงหน้าและช่วยไม่ได้ลงทุนเสียเปล่า

คำถาม : สินค้าของฉันล้าสมัยหรือไม่ ?
ธุรกิจและแบรนด์ใหม่หากขายสินค้าในตลาดที่สินค้ามีการเปลี่ยนแปลงบ่อย เช่นกรณี มาร์ทโฟนและแท็บเล็ต / เคสมือถือ สิ่งเหล่านี้ความเสี่ยงเมื่อสินค้าเหล่านั้นตกรุ่นไป ดังนั้นก่อนที่จะสร้างแบรนด์ละขายสินค้าคุณจะต้องเข้าใจว่าตลาดมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆอยู่เสมอ แล้วคุณจะทำอย่างไรเมื่อมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในขณะที่คุณมีสินค้าเก่าค้างสต็อกอยู่?

คำถาม : สินค้าของฉันมีวันหมดอายุหรือไม่?
คุณควรจะตั้งคำถามว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นที่เน่าเสียหรือเสื่อมเมื่อเวลาผ่านไป? เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเมื่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเน่าเสียเสื่อมสภาพก็ต้องทิ้งไป นั่นหมายความว่าคุณจะเสียเงินไปกับส่วนนั้นโดยเปล่าประโยชน์

คำถาม : ฉันสามารถขยายขีดความสามรถของสินค้า/ตลาด/ธุรกิจ ได้หรือไม่?
โดยพิจารณาตั้งแต่วิธีการที่คุณจะสามารถปรับขนาดธุรกิจเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง มองหาว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร ใครคือข้อจำกัดสำหรับผู้จัดจำหน่าย / ผู้ผลิตของคุณ? ข้อเสนอจากนักลงทุนใดที่คุณจะเลือกเติบโต เป็นต้น

คำถาม : ความหลงใหลต่อการทำธุรกิจ/ สินค้า/ ตลาด หรือไม่?
ความชอบ หรือรักในการทำธุรกิจ เป็นพื้นฐานในการเริ่มต้นของผู้ประกอบการทั้งหลาย เมื่อมีความชอบและรักในสิ่งที่ทำ ต่อให้เจออุปสรรคแค่ไหนก็จะมุ่งมั่นและทำมันต่อไปให้สำเร็จ ดังนั้นหากคุณไม่มีความรักในสิ่งที่ทำก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนโยนไข่กระทบหิน….

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.abetterlemonadestand.com

แสดงความคิดเห็น