image credit : www.linkedin.com

8 วิธีการปั้นเด็กสู่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จในอนาคต

image credit : www.linkedin.com
image credit : www.linkedin.com

8 วิธีการปั้นเด็กสู่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จในอนาคต

เราทุกคนต่างก็อยากจะเห็นลูกหลานเติบโตขึ้นมาเป็นเจ้าคนนายคน แม้ว่าความจริงแล้วเราส่วนใหญ่ก็ยังคงก้มหน้าก้มตานั่งทำงานรอเงินเดือนจากเจ้านายก็ตามที แต่ลึกๆแล้วเราก็ต้องการให้ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมามีความกล้าหาญ มีความมั่นใจและเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือพร้อมที่จะเป็นผู้นำในอนาคต

ในเมื่ออยากที่ได้เห็นลูกหลานโตขึ้นเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ เราเองก็จะต้องใช้การกระทำของตัวเองสร้างแรงบันดาลใจให้แก่บุตรหลาน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะได้รับเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเติบโตตามธรรมชาติที่เขาจะได้รับ ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็ก เส้นทางของในการเป็นผู้นำอยู่ในมือเราทุกคน

เราสามารถจำลองและสอนทักษะที่จะให้พวกเขาเป็นผู้นำตัวเองและคนอื่นๆ ในโลกที่มีการแข่งขันรุนแรงนี้ หรือเราสามารถทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อตามสถานการณ์จำลองจากการใช้ชีวิตจริง การใส่ความเป็นผู้นำเข้าไปในตัวเด็กก็ถือว่าเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่จะปั้นเด็กคนนั้นให้กลายเป็นที่พวกเขาควรจะเป็น ดังนั้นหากโพกัส 8 สิ่งต่อไปนี้ คุณก็จะสามารถสร้างความเป็นผู้นำของเด็กได้ด้วยตัวคุณเอง

1. รูปแบบความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
ความฉลาดทางอารมณ์คือ “บางอย่าง” ที่อยู่ในตัวของเราแต่คน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนแต่สัมผัสได้ มันมีผลต่อการจัดการพฤติกรรม การชี้นำเกี่ยวกับความซับซ้อนทางสังคม และการตัดสินใจส่วนบุคคลเพื่อบรรลุผลในเชิงบวก เด็กจะเรียนรู้ความฉลาดทางอารมณ์จากผู้ปกครอง ในขณะที่เด็กๆจะดูดซับพฤติกรรมของคุณเหมือนฟองน้ำและปรับตัวโดย เฉพาะอย่างยิ่งในการรับรู้พฤติกรรมของอารมณ์ที่คุณแสดงให้เห็นในการตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรง และวิธีการที่คุณตอบสนองต่ออารมณ์ของพวกเขา EQ เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดของความสำเร็จในตำแหน่งผู้นำ

Talent Smart ได้ทำการวัดผลมากกว่าหนึ่งล้านคนและพบว่า EQ ของความรับผิดชอบการปฏิบัติงานของผู้นำ 58% ในทำนองเดียวกัน 90% ของผู้บริหารระดับสูงมี EQ สูง คนส่วนใหญ่น้อยคนนักที่จะพัฒนาระดับ EQ ของตัวเองให้สูงขึ้น มีเพียงแค่ 36% ของผู้ที่เข้ารับการทดสอบเท่านั้นที่สามารถระบุอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขาได้อย่างแม่นยำ เด็กที่จะพัฒนา EQ สู่ระดับที่สูงได้นั้นเป็นไปตามวัยและการแนะนำของผู้ใหญ่

2. อย่าครอบงำ
ผู้ปกครองที่หลงใหลครั่งไคล้ความสำเร็จ พวกเขาเชื่อว่าจะทำให้บุตรหลานประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตได้ ก็จะวุ่นวายอยู่กับการปลูกฝังความคิดที่จะเป็นผู้นำให้แก่เด็กๆ มุ่งเน้นอยู่แต่ผลสัมฤทธิ์ นั่นจะทำให้เด็กเกิดความคิดผิดๆเกี่ยวกับการทำจะอย่างไรให้สำเร็จดังนั้นการครอบงำแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

คุณเพียงแค่ใส่ความคิดในการเป็นผู้นำที่ดี เป็นผู้นำที่ทุคนรอบข้างรัก เพราะในชีวิตจริงการทำงานไม่ได้ทำเพียงคนเดียวแล้วจะสำเร็จได้ ถ้ามัวแต่เน้นเพื่อรับรางวัลและผลลัพธ์พวกเขาไมมีวันที่จะเข้าใจในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ได้แน่นอน

3. อย่าสรรเสริญ เยินยอมากเกินไป
เด็กจำเป็นต้องได้รับการชื่นชมเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีและภาคภูมิใจในตนเอง แต่จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก หากชื่นชมกันมากเกินไปจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาและเด็กๆก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษหรือน่าภาคภูมิใจ เด็กต้องเชื่อมั่นในตัวเองและเพื่อพัฒนาความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจำเป็นในการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าคุณกระหน่ำเยินยอกันอย่างไร้เหตุผลนี่จะสร้างความสับสนและความเชื่อมั่นที่ผิดพลาด

4. ให้สัมผัสกับความเสี่ยงและความล้มเหลว
ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและในชีวิต เป็นแรงผลักดันจากความเสี่ยง ดังนั้นเมื่อพ่อแม่เข้าไปปกป้องให้พ้นจากความเสี่ยง เด็กๆก็จะไม่ได้เรียนรู้กับความเสี่ยงและไม่รู้ผลของความเสี่ยงนั้น เมื่อพวกเขาถูกกีดกันจากความเสี่ยงโดยพ่อแม่ พวกเขาก็จะไม่มีวันเข้าใจความเสี่ยง เช่นเดียวกันผู้นำจะไม่สามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ตราบใดที่เขายังไม่ลิ้มรสของความล้มเหลวที่มาพร้อมกับความเสี่ยง

5. รู้จักปฏิเสธ
การตามใจมากเกินไปอย่างไม่มีขอบเขต (Overindulging) เป็นการจำกัดการพัฒนาความเป็นผู้นำให้ประสบความสำเร็จ อย่างหนึ่งที่สามารถยับยั้งความเอาแต่ใจของเด็กๆ และตัวเราเองก็จะต้องใจแข็งไม่ไปตามใจเขาข้อนี้สำคัญมาก เด็กๆจะต้องรู้จักอดทนและรอให้เป็น ดังนั้นการ “ไม่พูด” กับเด็กเมื่อเห็นว่าเด็กทำไม่ถูกต้องและเอาแต่ใจตนเองจนไม่สามารถควบคุมสติได้ แม้จะทำให้พวกเขาผิดหวังชั่วขณะ แต่ผลที่ได้กลับมาคุ้มค่าดีกว่าปล่อยเด็กนิสัยเสียต่อไป

6. ให้เด็กแก้ปัญหาเอง
การปล่อยให้เด็กได้เรียนรู้และแก้ปัญหาด้วยตนเอง นั่นเป็นการฝึกความเป็นผู้นำทางความคิดอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มาก พ่อแม่ไม่ควรที่จะแก้ปัญหาให้ลูกหมดทุกอย่าง แต่ควรที่จะคอยดูแลอยู่ใกล้ คอยให้คำแนะนำเมื่อเด็กมีคำถามไม่เข้าใจ สงสัย แต่ไม่ใช่เข้าไปจัดการให้ทั้งหมด ทำแบบนั้นเด็กจะเคยชินกับการได้รับการจัดการโดยคนอื่น เมื่อมีปัญหาก็จะมองหาแต่คนอื่นให้ช่วย การจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในอนาคตนั้นก็มองข้ามไปได้เลย

7. เดินพูดคุย
บุตรหลานของคุณสามารถพัฒนาคุณภาพได้ตามธรรมชาติ และจะยิ่งดีถ้าหากคุณได้แสดงให้เห็นถึงสภาพตามความเป็นจริง คุณจะต้องซื่อสัตย์ในทุกสิ่ง ไม่เพียงแต่ในสิ่งที่คุณพูดและทำ แต่คุณจะต้องรู้ว่าคุณเป็นใคร เมื่อคุณได้เดินพูดคุยกันคำพูดและการกระทำของคุณจะสอดคล้องกับสิ่งที่คุณอยากเรียกร้องให้เขาเห็นและปรารถนาจะทำเช่นเดียวกับคุณ

8. แสดงให้เห็นว่าคุณคือฮีโร่
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าเด็กๆจะไม่พอใจและต่อต้านวิธีการต่างๆของคุณสักแค่ไหน แต่คุณก็ยังคงเป็นฮีโร่สำหรับพวกเขาและเป็นแบบอย่างในอนาคตข้างหน้าของพวกเขาอยู่เสมอ ดังนั้นคุณจะต้องแสดงศักยภาพความเป็นฮีโร่ของคุณออกมาให้พวกเขาได้เห็น และมั่นใจว่าทุกๆความผิดพลาดจะสามารถแก้ไขและเดินหน้าต่อไปได้เช่นเดียวกับที่ฮีโร่ของเขาทำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.entrepreneur.com/article/249015

แสดงความคิดเห็น